วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ค่าตัว 30,000 บาทต่อชั่วโมง? / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

On November 24, 2016

คอลัมน์ : โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

ช่วงนี้ “เบส-อรพิมพ์ รักษาผล” กำลังดังกรณีที่กองทัพจ้างไปบรรยายชั่วโมงละ 30,000 บาทในเรื่องเทิดพระเกียรติฯ แต่บังเอิญไปพูด “หมิ่นคนอีสาน” เข้า ผมคงไม่ไปวิจารณ์ประเด็นการหมิ่นว่าจริงเท็จประการใด สังคมคงตัดสินได้ แต่ในฐานะผู้ประเมินค่าทรัพย์สินจะขอวิเคราะห์ถึงเรื่องค่าตัว 30,000 บาทต่อชั่วโมง คิดกันมาอย่างไร การตั้งราคา “ค่าตัว” ทำอย่างไร

จากหลักฐานที่มีคนแสดงออกมาเป็นระยะๆจากการ “ขุดคุ้ย” คุณอรพิมพ์ ชี้ว่าค่าจ้างชั่วโมงละ 30,000 บาท (http://bit.ly/2flkz8Z) หรือครึ่งวันก็ประมาณ 100,000 บาทนั้นเป็นเรื่องจริง มีการจ้างจริงและคุณอรพิมพ์ก็คงได้รับจริง หาไม่คงไม่มีฐานะดี มีกระเป๋าราคาแพงใช้ และมีเงินไปทำศัลยกรรมมาจนสวยสดงดงามกว่าเมื่อ 5-6 ปีก่อน ซึ่งต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่เรื่องเช่นนี้เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่ขอไปก้าวล่วง

แสดงถึงความมั่งคั่งจากการงานนี้ แต่น่าเสียดายที่สถานทูตสหรัฐอเมริกากลับไม่ให้วีซ่าเข้าประเทศ โดยคุณอรพิมพ์ชี้แจงว่า เป็นเพราะเอกสารแสดงฐานะทางการเงินไม่ดี ตนเองติดเครดิตบูโร (http://bit.ly/2gev4KB)

อย่างไรก็ตาม ทางเครดิตบูโรก็ออกมาชี้แจงว่าไม่จริง เพราะเครดิตบูโรไม่ไปเปิดเผยสถานะนี้ต่อสถานทูต (http://bit.ly/2fLWuJf) กรณีนี้แสดงว่าแม้คุณอรพิมพ์มีฐานะทางการเงินดี แต่ไม่มีหลักฐานการมีฐานะ อาจเป็นเรื่องภาษีหรือการไม่รู้จักออม เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องว่ากันไป

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ค่าจ้าง 30,000 บาทต่อชั่วโมงนี้มาจากไหน ทั้งที่ตามระเบียบราชการจ้างได้เพียง 1,600 บาทเท่านั้น ตามข่าว “ทีมโฆษก คสช.” ชี้แจงว่าไม่รู้ค่าจ้าง หลังถูกแฉว่าจ้างคุณอรพิมพ์พูดในกองทัพสูงกว่าที่ระเบียบกำหนดไว้ วอนขอให้ดูที่แก่นเรื่องที่พูด (http://bit.ly/2fjqqZi) การชี้แจงนี้น่าจะยิ่งสร้างความคลางแคลงใจ แสดงว่าถ้าใครพูดถึงเรื่องเทิดพระเกียรติฯจะได้ค่าจ้างแพงกว่า ทั้งนี้ คนไทยล้วนรักในหลวง และการได้มาพูดเรื่องนี้น่าจะเป็นมงคล เป็นที่ปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้โดยไม่รับเงินด้วยซ้ำไป (ถ้าเป็นผู้เขียนหรือท่านอื่นๆก็ตาม)

ผมไปสอนหนังสือที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ คณะบัญชี มหาวิทยาลัยดังๆทั่วประเทศ เขาก็จ้างตามอัตราปรกติ สอนปริญญาเอกได้ชั่วโมงละไม่เกิน 5,000 บาท ไปทำงานให้สหประชาชาติ ธนาคารโลก หรือองค์กรระหว่างประเทศ ในแต่ละวันที่ไปเขาก็จ่ายให้ไม่เกิน 1,000-2,000 เหรียญสหรัฐ หรือไม่เกิน 70,000 บาทต่อวัน หรือชั่วโมงละ 10,000 บาท เป็นต้น อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นการว่าจ้างตามระเบียบของแต่ละสถาบัน ซึ่งอาจแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ใกล้เคียงกัน เพราะต่างก็เทียบเคียงกันไปมานั่นเอง

กรณีค่าตัวชั่วโมงละ 30,000 บาทของคุณอรพิมพ์นั้น เป็นในข่ายของดาราซึ่งมักจะมีค่าตัวสูงมากในระดับนี้ ยิ่งถ้าเป็นดาราดังๆไปปรากฏตัวได้ค่าตัวแพงกว่าคุณอรพิมพ์ก็มี ค่าตัวเหล่านี้นี่เองที่ควรพิจารณากันว่ามาจากไหน คำตอบที่ชัดเจนคือ มาจากตลาด เช่น ปรกติบริษัทที่รับจ้างจัดงานต่างๆจะมี “ระเบียบ” กันเองอยู่แล้วว่าควรจะจ้างกันขนาดไหน เมื่อมีดาราดังเกิดใหม่เข้ามา มีการจ้างงาน ก็คงต้องอ้างอิงตาม “ระเบียบ” เก่า แต่อาจมีการหักกลบลบหนี้กันตามความจัดเจน ความใหม่ ความดัง ฯลฯ

ค่าตัวจึงกำหนดตามราคาตลาดที่แล้วแต่อุปสงค์และอุปทาน อย่างเช่นดาราคนนี้กำลังดังมากก็จะได้รับค่าจ้างที่สูง แต่ถ้าดาราคนนั้นชักแก่ตัวลง ทำงานไม่ได้ดี หรือ “หมดอนาคต” เพราะอุบัติเหตุต่างๆ เช่น ถูกรถชนจนพิการ หรือเสียชื่อเสียงแบบกะทันหัน เช่นกรณี “กราบรถกู” (http://bit.ly/2fziYdf) คงทำให้ไม่มีใครมาว่าจ้าง (ไปอีกนาน) เป็นต้น

ปรกติกลไกตลาดจะเป็นเครื่องตั้งค่าตัวหรือค่าจ้าง กลไกตลาดคือ “ตลาดในระบบเศรษฐกิจนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากตลาดทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยทำให้สินค้าจากแหล่งผลิตไปสู่ผู้บริโภค และยังช่วยให้ผู้บริโภคมีสินค้าและบริการมาบำบัดความต้องการได้อย่างทั่วถึง กลไกราคาหมายถึง ภาวะการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาสินค้าและบริการอันเกิดจากแรงผลักดันของอุปสงค์และอุปทาน เมื่อผู้ผลิตพยายามปรับปรุงการผลิตและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้น จะเห็นได้ว่าราคาสินค้าและบริการเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดอุปสงค์และอุปทาน ตลอดจนเป็นกระบวนการปรับเปลี่ยนราคาให้เข้าสู่จุดดุลยภาพ” (http://bit.ly/2gwojq8)

คนแต่ละคนจะมี “ราคา” หรือ “ค่าจ้าง” เท่าไรก็ขึ้นอยู่กับ “แบรนด์” ของเขา ซึ่งก็คือค่าความนิยม (Goodwill) ในตัวของเขาเองด้วย อย่างเช่น กรรมกรอาจมีค่าแรงที่ 300 บาทต่อวัน แต่ในกรณีที่หาคนงานยากก็อาจเพิ่มเป็น 320 หรือ 350 บาทต่อวัน หรือชั่วโมงละ 30 บาท เป็นต้น “คนใช้” จากประเทศเพื่อนบ้านอาจมีค่าแรง 10,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าทำงานได้ดีก็อาจสูงถึง 12,000-15,000 บาท เป็นต้น แต่ถ้ามีแบรนด์ที่ดีขึ้น ค่าแรงก็จะแพงขึ้นตามลำดับ

แต่แบรนด์และค่าความนิยมก็มีวัฏจักร มีขาขึ้นขาลงตามกลไกตลาดเช่นกัน เราท่านทุกคนต้องพยายามรักษาแบรนด์ของตนเองให้ดีจะได้ประสบความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไป


You must be logged in to post a comment Login