- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
ต้องลดอัตตา! / โดย พระพยอม กัลยาโณ

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
ปัญหาทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำทีทำท่าว่าจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร จะเป็นเกาเหลาหรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ ประชาชนก็สับสนท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่แถลงผลงานรัฐบาล 2 ปีที่ผ่านมาว่า แก้เศรษฐกิจมาถูกทางและดีขึ้น แต่ถัดมาไม่กี่วัน ท่านก็บอกว่าต้องประชุมทีมเศรษฐกิจกันใหม่ เพราะยังไม่เติบโตเท่าที่ควร พูดง่ายๆว่ายังแก้ปัญหาล่าช้า
รวมความง่ายๆ คือรัฐบาลต้องทำแต้มอย่างอื่นเพิ่มเยอะๆ จะเป็นทวงคืนผืนป่า ทำความสงบ ไม่มีม็อบ ไม่เป็นรัฐบาลเป็ดง่อย เพราะโอกาสของรัฐบาลนี้ในการบริหารประเทศค่อนข้างจะมีมากกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้งหลายช่วงตัว แต่ที่จะแพ้รัฐบาลเลือกตั้งก็จะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ
มีคำพูดอะไรแปลกๆมาว่า ทหารสั่งยาก คุยกันยาก คือทหารไม่ยอมให้สั่งซ้ายหันขวาหัน แล้วพอจะมาใครสั่งก็มีความรู้สึกอีโก้ ชาติทหารขึ้นมาบ้าง เลยทำให้ทีมเศรษฐกิจทำอะไรได้ช้า ละล้าละลัง กระอักกระอ่วน ยิ่งรัฐมนตรีในทีมจะถูกย้ายออก ก็ไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือสักเท่าไร เพราะมั่นใจในฝีมือของตน แต่เอาเข้าจริงๆ เราก็รู้กันว่า ฝีมือรัฐมนตรี อย่างหม่อมอุ๋ยก็ดี ท่านสมคิดก็ดี เขาเรียกมีฝีมือฉมังหรือมืออาชีพ เมื่อมาคุมมาทำ มาร่วมทำงานกับรัฐมนตรีท็อปบู๊ต ก็อาจจะทำให้ฝีมือตกไปบ้าง แต่ไม่ใช่ตกเพราะความไม่ชำนาญ ความไม่รู้ แต่ไม่ได้เป็นแบบ “เลือดสุพรรณ”
อาตมาเชื่อว่า มีสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลไหนก็ต้องมีคือทีมเศรษฐกิจต้องอยู่ฝ่ายนายทุนเสมอ จึงยากที่จะทำอะไรทุ่มเทหรือเอาเงินของนายทุนมาเจือจุนคนรากหญ้าที่ว่าเป็นลักษณะ “ประชานิยม” แจกบ้าง แถมบ้าง ช่วยเหลือชาวนา ชาวสวน อะไรทำนองนี้ ที่จะให้คนรวยมาช่วยคนจนคงไม่ง่ายไม่ราบรื่น
ถ้าอย่างที่กล่าวกันว่า “เผด็จการโดยธรรม” ต้องมีทั้งปัญญาและเมตตา ถ้ารัฐบาลทหารมีเมตตาสูง ก็จะเหมือนยุคพระเจ้าอโศกมหาราช “ถ้าข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าจะรับใช้ธรรม ถ้าข้าพเจ้ามีเงินตรามีทรัพย์สิน ข้าพเจ้าก็จะเอามารับใช้ธรรม”
ถ้า 2 อย่างนี้คืออำนาจกับทรัพย์มารับใช้ธรรม เผด็จการก็จะไปได้งาม การยึดอำนาจก็จะทุบสถิติการเมืองได้หลายแต้มทีเดียว ตอนนี้การเมืองเซไปเซมา เพราะผลงานที่ผ่านมามัวแต่ขัดแข็งขัดขากัน ถ้าเผด็จการโดยธรรม เมตตาธรรมกับคนยากคนจนจริงๆ คนรวยก็ไม่ต้องไปโหดร้ายหรอก เพียงแต่ชักชวนให้เขาภูมิใจที่จะเป็นเศรษฐีใจบุญบ้าง อย่าเป็นนายทุนหน้าเลือด ที่พูดก็ไม่ได้ว่ารัฐบาลชุดนี้น่ะ รัฐบาลก่อนๆก็เป็นอย่างนี้ คือค่อนข้างจะหนุนนายทุน นายทุนจึงเติบโตเอา รวยเอา ชนิดที่เรียกว่าช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนนี่อยู่กันคนละโลกเลยก็ว่าได้
ยังไงก็ขอให้แต่ละฝ่ายมีความหวังดีต่อบ้านต่อเมือง พูดคุยกัน เพิ่มปัญญาและเมตตา อย่าเพิ่มความขัดแย้ง เดี๋ยวปัญญาจะหด แล้วเมตตาก็หาย จะกลายเป็นชุลมุนกันอีกไม่รู้กี่รอบ คำว่า “ลดราวาศอก ลดอัตตา” ตัวตนที่เคยมียศ มีอำนาจมากๆสูงๆ ถ้าศักดิ์ศรีก็ขอให้เป็นศักดิ์ศรีที่อยู่เหนือกิเลสและเหนือความทุกข์ อย่าเอาศักดิ์ศรีเพราะยศตำแหน่งใครใหญ่ใครโตมาใส่กันเลย มันไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ
ก็หวังใจว่าทีมเศรษฐกิจคงไม่ถอดใจและคนที่ขัดขวางทีมเศรษฐกิจก็ใจอ่อนลงบ้าง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินไปถึงจุดหมายปลายทางบนเส้นทางของความเมตตาและปัญญา ไหนๆก็มีมาตรา 44 ใช้ก็ใช้ด้วยปัญญาและเมตตา เพื่อความผาสุกของคนส่วนใหญ่ ประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่ อาตมาก็ขออนุโมทนาด้วย
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login