วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2567

หายนะท่องเที่ยวไทย! / โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

On September 15, 2016

คอลัมน์ : โดนไป บ่นไป
ผู้เขียน : น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

ต้องยอมรับว่ารายได้สำคัญของประเทศไทยส่วนหนึ่งมาจากการท่องเที่ยว เมื่อไรก็ตามที่บรรยากาศทางการเมืองมีความสงบเรียบร้อย ไม่วุ่นวาย เมื่อนั้นเราจะเห็นนักเดินทางจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก ใครทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะมีโอกาสเมคมันนี่อย่างมีความสุข เมื่อเถ้าแก่ร่ำรวย ลูกน้องทุกคนก็ย่อมสบายไปด้วย และแน่นอนที่สุดรัฐบาลก็มีรายได้เข้าประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ เพราะสามารถจัดเก็บรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมมากมาย

หลังการรัฐประหารครั้งล่าสุดรายได้จากการท่องเที่ยวหล่นฮวบจนน่าเสียวไส้ แต่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติย่อมมีความกังวลและไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ความปลอดภัยเป็นอย่างไร ดังนั้น การชะลอการเดินทางมาเที่ยวหรือตัดสินใจเปลี่ยนจุดหมายการเดินทางไปประเทศอื่นจึงเป็นเรื่องปรกติ

สถานการณ์ย่ำแย่อย่างนี้มีหรือที่รัฐบาลทหารจะไม่รู้ ดังนั้น การสร้างความมั่นใจให้กับประชาคมโลกจึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ผู้มีอำนาจต้องการให้เกิดความสำเร็จ การโหมกระหน่ำโฆษณาชวนเชื่อว่าสถานการณ์ด้านต่างๆในประเทศอยู่ในสภาวะปรกติจึงถูกชี้แจงในทุกเวทีที่ไทยมีโอกาสเข้าร่วม แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการให้ประชาคมโลกมั่นใจนั้นยังห่างไกลจากความเป็นจริงอีกมากพอสมควร

ต้องถือว่าไทยยังโชคดีที่มีมิตรประเทศยักษ์ใหญ่ของเอเชียอย่างจีนให้ความเชื่อมั่นเพื่อนตัวเล็กๆนี้อย่างสม่ำเสมอ เราจึงเห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลจากแผ่นดินใหญ่หลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสายและดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นทุกปี แม้บางครั้งจะมีสถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นบ้าง เช่น การวางระเบิดบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงหรือหายไปแต่อย่างใด

ทำไมประเทศไทยถึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างล้นหลาม แน่นอนที่สุดคือ เราเป็นประเทศที่มีองค์ประกอบด้านการท่องเที่ยวพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเป็นศูนย์กลางของการเดินทางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเดินทางเข้ามาได้อย่างสะดวกรวดเร็วหลากหลายช่องทาง โรงแรมที่พักมีให้เลือกทุกระดับในราคามิตรภาพ การช็อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกยกย่องว่าเป็นสวรรค์ของนักช็อป อาหารการกินทุกชาติทุกภาษารสชาติอินเตอร์ที่สามารถเลือกและหากินได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนมนุษยสัมพันธ์และความเป็นมิตรที่คนไทยมีให้กับแขกต่างชาติที่มาเยือนทุกคน

คนที่เราควรต้องขอบคุณมากที่สุดก็คือกลไกการท่องเที่ยวภาคเอกชนที่ช่วยนำชาวจีนจำนวนมากเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย กลไกดังกล่าวไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความรับผิดชอบของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของชาวจีนที่ในชีวิตนี้ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง

ทุกวันนี้เราจะเห็นเครื่องบินของไทยหลากหลายสายการบินขนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกภูมิภาคของจีนบินตรงเข้าสู่ประเทศไทย บริษัททัวร์ที่ให้บริการชาวจีนตั้งแต่ระดับโลว์คลาสจนถึงไฮคลาสต่างพานักท่องเที่ยวไปเยือนสถานที่และจุดท่องเที่ยวสำคัญๆในประเทศ ร้านขายของที่ระลึกและห้างสรรพสินค้าต่างขายดิบขายดีจนต้องรับพนักงานขายที่พูดภาษาจีนได้ หรือต้องหัดให้พนักงานขายสามารถพูดคุยภาษาจีนเพื่อให้บริการลูกค้าชาวจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โรงแรมที่พักมากมายหลายแห่งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีลูกค้า วันนี้ห้องพักถูกจองเต็มแบบข้ามเดือน ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนต่างได้รับอานิสงส์อย่างน่าชื่นใจ กลไกการท่องเที่ยวภาคเอกชนที่บูรณาการความร่วมมือกันอย่างลงตัวเช่นนี้เองที่ทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยยังมีอนาคต สามารถสร้างงานให้กับคนไทยเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญคือเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่การต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนกำลังไปได้สวยก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น นั่นคือการประกาศนโยบายปราบปราม “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” และมีการเข้าจับกุมผู้ประกอบการรายใหญ่เจ้าหนึ่ง ซึ่งรายละเอียดเป็นอย่างไรผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านคงทราบดีอยู่แล้ว ก่อนอื่นขอยืนยันว่าเรื่องที่ผมจะบ่นต่อไปนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องใครถูกใครผิด ถ้าใครทำผิดก็ชอบที่รัฐจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย

การกวาดล้างจับกุมในครั้งนี้ต้องยอมรับว่าสร้างผลกระทบรุนแรงให้กับการท่องเที่ยวของชาวจีนในประเทศไทย เพราะหลังจากการตั้งข้อหาและนำผู้ถูกกล่าวหาไปดำเนินคดี กลไกทัวร์จีนในประเทศไทยได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ เพราะวัฏจักรห่วงโซ่ของการท่องเที่ยวนั้นพึ่งพาซึ่งกันและกัน เมื่อไรก็ตามที่ห่วงโซ่ข้อใดข้อหนึ่งขาดลง กิจการที่เหลือก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้

ยกตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการรายที่ถูกจับกุมเป็นผู้สนับสนุนรถบัสให้กับบริษัททัวร์ในราคาพิเศษเพื่อแลกกับการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อของในร้านของตนเอง มาวันนี้รถบัสทุกคันต้องหยุดวิ่ง ไม่ใช่แค่รถบัสของบริษัทที่ถูกกล่าวหาเท่านั้น แต่รวมไปถึงรถบัสของบริษัทอื่นๆที่มีรูปแบบการทำธุรกิจเหมือนกันที่ต้องหยุดให้บริการชั่วคราว เพราะไม่มั่นใจว่าบริษัทของตนเองจะโดนข้อกล่าวหาแบบเดียวกันหรือไม่

เมื่อรถบัสนำเที่ยวต้องหยุดให้บริการชั่วคราวพร้อมๆกันหลายพันคัน บริษัททัวร์จำนวนมากก็ไม่สามารถให้บริการนักท่องเที่ยว ส่งผลให้หลายบริษัทต้องยอมยกเลิกคณะทัวร์ไปเป็นจำนวนมาก เมื่อยกเลิกคณะทัวร์ก็หมายถึงกิจการอื่นๆตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ก็ต้องได้รับผลกระทบนี้ด้วยเช่นกัน

บริษัททัวร์ยกเลิก เที่ยวบินยกเลิก โรงแรมยกเลิก การจัดเลี้ยงยกเลิก สถานที่ท่องเที่ยวและอื่นๆอีกมากมายก็ยกเลิก การยกเลิกทุกชนิดที่เกิดขึ้นหมายถึงการเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทยได้ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ชาวไทยอีกหลายหมื่นหลายแสนชีวิตที่ประกอบอาชีพสุจริตเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต้องได้รับผลกระทบจากการไม่มีงานทำหรือถูกเลิกจ้างงานไปด้วย

เรื่องที่ผมนำมาบ่นในสัปดาห์นี้ไม่มีเจตนาปกป้องใครทั้งสิ้น ผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด แต่อยากให้ผู้มีอำนาจที่รับผิดชอบเรื่องนี้ได้สำนึกถึงผลกระทบต่างๆที่มีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวในภาพรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของธุรกิจ พนักงานลูกจ้าง ตลอดจนผู้ใช้แรงงานต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้เป็นฟันเฟืองสำคัญช่วยนำรายได้เข้าสู่ประเทศ แต่วันนี้กำลังจะกลายเป็นคนตกงานจากมาตรการที่รัฐสร้างขึ้น สิ่งนี้ต่างหากที่ผมคิดว่าไม่ยุติธรรมและไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างที่ควรจะเป็น

ทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการทำให้ห้องพักดูโล่งสะอาดตาด้วยการขนของออกไปหมกรวมไว้อีกห้องหนึ่ง ถ้าทำได้แค่นี้จริงๆก็ต้องบอกว่าน่าเสียใจครับ


You must be logged in to post a comment Login