วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

หยุดให้เด็กเรี่ยไร / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On September 14, 2016

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

คุณอดินันท์ ปากบารา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ทำหนังสือถึงโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ กำชับการเรี่ยไรเงินของนักเรียนนักศึกษาในสังกัดว่า อย่าให้เด็กจัดการเรี่ยไรบอกบุญเพื่อระดมทุนการศึกษาโดยไม่มีการขออนุญาตตามกฎหมาย คือพ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2544

ที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้ทำเฉพาะโรงเรียนเอกชน แต่โรงเรียนของรัฐในต่างจังหวัดก็ใช้การปิดถนน เอาเด็กนักเรียนมายืนขวางหน้ารถ เรียกว่าแทบจะรีดไถกันเลยแหละ อ้างว่าเพื่อบุญ เพื่อกุศลทางการศึกษา ถ้าทำก็ขอให้อยู่ในกรอบ โดยคนศรัทธา ญาติโยมของเด็กศรัทธา โรงเรียนที่ตั้งอยู่ได้ด้วยความศรัทธาก็เยอะ เพราะเขาเห็นว่าสอนลูกหลานเขาดี จึงบริจาค

อย่างที่วัดสวนแก้วก็สนับสนุนโรงเรียนเอกชนคือโรงเรียนญาโนทัย อยู่หน้าวัด แต่วัดก็บริจาคให้โดยไม่ต้องมาเรี่ยไร ถือว่าทำดีมีประโยชน์ โรงเรียนได้รางวัลการศึกษา ศาสนาศีลธรรมดีเด่น จึงน่าจะช่วยกันอุปถัมภ์ ไม่ต้องให้เด็กไปเสี่ยงถูกรถชน ใช้เด็กในทางไม่ถูกไม่ควร จึงอยากจะฝากว่า ถ้าให้ดี สอนลูกหลานเขาให้ดีเถอะ เมื่อเด็กได้ดี ผู้ปกครองเขาก็ต้องช่วยอุปถัมภ์เอง

อาตมาเคยดูบาทหลวงท่านหนึ่งในต่างประเทศ ตั้งโรงเรียนฝึกสอนคนให้ละเลิกยาเสพติดและสิ่งผิดต่างๆ ร่ำรวยมหาศาล มีที่ดินหลายหมื่นไร่ มีรถเป็นร้อยๆคัน ซึ่งประชาชนบริจาค เพราะลูกเขาเลิกสิ่งชั่วร้ายได้ เพราะฉะนั้นใครทำอะไรไม่ดีก็มีภาพมาประจาน ภาพเก่า ภาพใหม่ โรงเรียนทำไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้

อย่างเมื่อเร็วๆนี้ อาตมาดูแล้วก็สลดใจ เหมือนกับต่างฝ่ายต่างได้ทีขอเอาคืนบ้าง ใครเพลี่ยงพล้ำก็จะเอาคืน โรงเรียนก็คงมีปัญหาคล้ายๆกัน บ้านเมืองเรานี่ อย่างกลุ่มสีเวลานี้ก็เอาคืนกันเหลือเกิน อาตมาดูแล้วตกใจ อย่างเอาภาพคำสาบานของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่รู้เมื่อกี่ปีที่ประกาศว่า ถ้าเขาทำไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ขอให้มีอันเป็นไปต่างๆนานาภายใน 3 วัน 7 วัน ให้มีอันวิบัติอะไรทำนองนี้ คนเราก็เหลือเกิน เวลาใครพลาดก็ได้ทีขี่ม้าไล่กันเลย เอาภาพที่เคยพูดเคยทำมาประจาน ดิสเครดิตกัน

เรื่องพรรค์นี้โรงเรียนเอกชนก็มีที่บางโรงเรียนกล่าวหาเรื่องแย่งเด็ก ต่างก็มาร้องเรียน เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ต้องระวัง อย่าให้เข้าทางฝ่ายตรงกันข้ามที่จะจ้องเล่นงาน เพื่อความเจริญของการศึกษา ความก้าวหน้าอย่างงดงาม ไม่ไปเรี่ยไรจนน่ารำคาญให้เขาเบื่อหน่าย เขาจะพลอยหมดศรัทธา ไม่เอาลูกไปเล่าเรียน

อาตมาขอฝากว่า อย่าเอาธุรกิจการศึกษาไปค้าไปขายกันมากกว่าความเมตตาปราณี เขาบอกว่า “หัวใจครู” ถ้าผ่าออกมาแล้วจะเห็น 2 ก้อนเคียงกันคือ เมตตา กับ ปัญญา ดังนั้นเราจะต้องมีหัวใจนำธงการศึกษา ไม่ว่าภาคเอกชนหรือรัฐ

เดี๋ยวนี้โรงเรียนรัฐไม่ใช่แค่เรี่ยไร ยังฝึกเด็กเต้นรำแล้วรับงานที่โน่นที่นี่ รำหน้าศพ รำงานกฐิน ผ้าป่า งานฉลองต่างๆ ยังบอกว่าผู้อำนวยการโรงเรียนก็จะหัก 10-20 เปอร์เซ็นต์จากเด็ก ถ้าเจ้าภาพมอบสินน้ำใจให้เด็ก ผู้อำนวยการบางโรงเรียนชอบนาฏศิลป์เป็นชีวิตจิตใจ วิชาการความรู้เลยไม่ค่อยสนใจ เดี๋ยวนี้เลยเกิดโรงเรียนบ้านที่เรียกว่า “โฮมสคูล” เยอะขึ้น แข่งกับเอกชน แข่งกับรัฐ ไม่รู้ว่าหัวใจครูที่จัดโฮมสคูลจะมีเมตตากับปัญญาพอมั้ย เขาอาจนำเด็กไปลิ่วเลย สูงส่ง ประเสริฐกว่าโรงเรียนทั้งหลายที่ทำอยู่ก็ได้

ทางเลือกจึงมีมากขึ้นที่จะเลือกเดินทางที่จะนำไปสู่ความเจริญ จึงหวังว่าการศึกษาเราจะไม่ล้มเหลวทุกเรื่อง ระเบียบวินัยก็ล้มเหลว ปฏิรูปก็ทำไม่ขึ้นสักที แล้วยังมามีเรื่องเรี่ยไรกันอีก ยิ่งไม่เหมาะไม่ควร อาตมาก็ขอให้ช่วยกันประคับประคองการศึกษาให้เจริญก้าวหน้าจริงๆเถอะ

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login