วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

ขอให้บ้านเมืองปลอดภัย

On February 19, 2021

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 19 ก.พ. 64)

ระหว่างพม่ากับไทยไม่รู้ม็อบของใครจะไปไกลกว่ากัน ใครจะถลำไปถึงการเสียชีวิตและเลือดเนื้อ ตอนแรกอาตมายังนึกว่าม็อบพม่าต่อต้านกองทัพหลังทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนภายใต้การนำของนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ เรียบร้อยดี ไม่มีความรุนแรงอะไร แต่ปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้มีวัยรุ่นผู้หญิงพม่าถูกยิงเจาะหัวจนเสียชีวิต อย่างนี้เขาเรียกว่า “เรียกแขก” จะเป็นเมืองกระสุนตกเข้าโค้งอันตราย จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จน่าจะรู้กันภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้

สถานการณ์ความไม่สงบ การต่อต้านรัฐประหารในพม่ายังคงคุกรุ่นอย่างต่อเนื่อง ทราบข่าวว่ากองทัพพม่านำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร รถถัง และยานพาหนะทางการทหาร เคลื่อนเข้าประจำการในกรุงเนปิดอว์และนครย่างกุ้ง ก่อนโพสต์แถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์เนื้อหาบางส่วนระบุว่า บุคคลใดก็ตามที่กีดกันเจ้าหน้าที่จากการปฏิบัติหน้าที่อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ส่วนบุคคลใดก็ตามที่ปลุกปั่นให้สังคมเกิดความหวาดกลัวและความไม่สงบเรียบร้อยระวางโทษจำคุก 3 ปี

นอกจากนี้ยังเตือนผู้ประท้วงว่าอาจได้รับโทษจำคุกสูงถึง 20 ปี หากขัดขวางเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ยังไม่รวมถึงโทษจำคุกระยะยาวและโทษปรับขั้นเด็ดขาดกับผู้กระทำผิดฐานยุยงให้เกิดความเกลียดชังหรือหมิ่นประมาทแกนนำคณะรัฐประหาร ก่อให้เกิดกระแสหวาดวิตกว่าทางการจะใช้กำลังปราบปรามการประท้วง

อย่างไรก็ตาม มวลชนจำนวนมากดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวหรือสนใจคำสั่งห้ามชุมนุม กฎอัยการศึก หรือคำขู่ใดๆของทหาร ยังคงออกมาเดินขบวนขับไล่กองทัพอย่างเนืองแน่นติดต่อกัน 10 กว่าวันแล้ว หลายคนถือป้ายข้อความขับไล่ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด อีกส่วนหนึ่งยืนถ่ายรูปชู 3 นิ้วกับรถบรรทุกของกองทัพที่มีเจ้าหน้าที่ทหารนั่งอยู่เต็มคัน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตายิงใส่ฝูงชนในเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐกะฉิ่น เพื่อสลายการชุมนุมและยับยั้งกระแสข่าวลือที่ว่าทางการสั่งปิดเครือข่ายเชื่อมต่อที่ใช้ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าเมื่อค่ำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้านเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรปประจำเมียนมา ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้กองกำลังความมั่นคงของพม่าละเว้นการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมประท้วงการโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่ชอบด้วยกฎหมาย

ขณะที่ม็อบราษฎรในเมืองไทยก็เริ่มออกมาเคลื่อนไหวบ้างแล้วหลังจากหยุดไปเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ถูกดำเนินคดีในกรณีการชุมนุม และถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งหลังจากนี้ภายใน 7 วัน ถ้ายังไม่มีการปล่อยตัวแกนนำที่ถูกจับทั้ง 4 คน จะนัดชุมนุมใหม่ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์

เมืองไทยประเดิมปี 2564 ด้วยการที่ม็อบเริ่มเคาะกะโหลกกะลากัน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกดี เพราะไม่เคยมีมาก่อน โดยแกนนำม็อบราษฎรอย่างรุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ประกาศว่า ปีนี้จะดึงคนออกจากบ้านมาขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ได้ 2 ล้านคน ตัวเลขไม่ใช่น้อยนะถ้า 2 ล้านคนมาได้จริงๆ ไทยกับพม่าไม่รู้ว่าใครจะรุนแรงมากกว่ากัน และใครจะบาดเจ็บล้มตายหรือมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาเกิดขึ้นมากกว่ากัน

อาตมาได้แต่ภาวนาขอให้เมืองไทยอยู่รอดปลอดภัย อย่ามีอะไรมากระหน่ำซ้ำเติมฝนแล้ง น้ำท่วม เศรษฐกิจ คนอดอยาก ที่เขาบอกว่าตีหม้อเพราะไม่มีอะไรจะกินแล้ว อย่างนี้เขาเรียกว่าเป็นสัญญาณเรียกแขก ถ้ารัฐบาลไม่รู้จักประนีประนอม อ่อนข้อ ลดราวาศอก ต่างฝ่ายต่างแข็งกัน เมื่อแข็งเจอแข็งก็ไม่ดี ก็อย่างที่เขาบอก งอได้หักไม่ได้ ถ้าหักไม่ได้ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ยอมงอ ไม่อ่อนข้อ หักไม่งอ มันรุนแรง 

สรุปว่าคิดกันให้ดีนะ ใครที่จะไปจุดประทัดขว้างใส่ปาใส่ระวังมันจะกระเด็นกระดอนกลับ ต้องค่อยๆนิ่มๆ อย่าแข็งเปรี้ยงปาเข้าไป จะเอาแบบสำเร็จเร็ว สำเร็จไว แต่ตายเยอะ สู้ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อน

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login