วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

ยุคสติปัญญาเสื่อม

On January 13, 2021

คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 13 ม.ค. 64 )

มีข่าวที่ถือว่า ช็อกเมืองก็ว่าได้ นั่นก็คือ ยาเคนมผง หรือนมผงยาเค ที่เสพกันแล้วมีคนตาย ศพ ต้องถือว่า ไม่เคยมีปรากฎการณ์นี้มาก่อนในประเทศไทย ต้องถือว่า มาแรงแซงข่าวอื่นไปอย่างมากมาย เพราะฉะนั้น ต้องถือว่า เมืองไทยมาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร ทำไมสติปัญญา ซึ่งในข่าวลงว่า วัยรุ่น อาตมาดูอายุแล้วไม่ใช่วัยรุ่น อายุ 20 – 30 ปี จะว่าวัยรุ่นยังไง วัยนี้เป็นวัยที่เรียกว่า ผ่านการเรียนรู้ ศึกษา แต่สติปัญญาแห่งการศึกษาไม่ช่วยพัฒนาชีวิต  

แถมยังดึงชีวิตไปดิ่งจมกับสารเสพติด ประเทศไทยตอนนี้ก็แปลกดี พวกหนึ่งก็คิดค้นเครื่องดื่มชูกำลัง คิดเอามานั่ง มาทำเป็นอาหารเสริม แต่พวกใช้สติปัญญาส่วนไหนก็ไม่รู้คิดผลิตยาเสพติดแบบแปลกๆใหม่ๆ คิดดูแล้วมันสวนทางกัน ฝ่ายหนึ่งคิดเพื่อจะหาอะไรมาเสริมสุขภาพให้แข็งแรง อีกฝ่ายหนึ่งคิดจะกินอะไรให้มันตายหรือเจ็บป่วยเกือบตาย หรือสติปัญญาหายหมด เห็นบอกว่า กินแล้วมันเคลิ้ม มันลอย พูดง่ายๆกินแล้วไม่เหลือสติ 

สตางค์เสียไปก่อน ซื้อครั้งหนึ่งตั้ง 500-600 บาท หมดทั้งสตางค์ หมดทั้งสติ ต้องเรียกว่า ยุคสติปัญญาเสื่อม พระพุทธเจ้าจึงได้สรุปหลักธรรมว่า ปัญญานำชีวิต ต้องมีรุ่งอรุณแห่งปัญญา คือ สัมมาทิฐิ ความเห็นชอบ ความเห็นถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ไม่ใช่เห็นผิดเป็นชอบ เห็นชั่วเป็นดี เห็นกงจักรเป็นดอกบัว นี่แหละที่พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของมนุษย์ คือ มิจฉาทิฐิ ดูซิพ่อห้ามว่า อย่าไป แต่เพื่อนบอกเพื่อนนัด ไม่ได้ ต้องไป  

พูดง่ายๆว่า มิจฉาทิฐิ คือ เห็นเพื่อนสำคัญกว่าพ่อ ตักเตือนขอร้องก็ไม่ฟัง พูดถึงเรื่องศาสนาจะมีบทบาทอะไร เรื่องนี้ถ้าเรายังไม่กระตุกคนให้มีสัมมาทิฐิ ปล่อยให้มิจฉาทิฐิให้ครอบงำ ให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นยาเคนมผงเป็นดอกบัว ทั้งๆที่มันเป็นกงจักรฟาดฟัน ห้ำหั่น จนชีวิตต้องแตกสลายไป นี่ก็ต้องเรียกว่า ยังไม่มีความคิดอะไรของมนุษย์ที่มันจะแก้มิจฉาทิฐิอันนี้ได้ มันกลายเป็นเรื่องของคนยุคปัญญาทราม ปัญญาเสื่อม 

เรียกว่า ยุคกว่าคำโบราณเคยด่า เคยว่ากัน ไอ้พวกสมองหมา ปัญญาควาย มันมีปัญญาที่จะผลิตสิ่งหายนะ ไม่ใช่เป็นวัฒนะ มันเป็นหายนะ ทำไมตำรวจต้องไปไล่จับเอาเป็นเอาตาย ต้องประชุมกันแทนที่จะไปจับผู้ร้ายกลายเป็นจับพวกมิจฉาทิฐิที่เห็นผิดเป็นชอบแบบนี้ ไม่รู้น่ะ วัดอาตมาโชคดีไม่มีเมรุเผาศพ ไม่มีศาลาสวดศพ ถ้ามีคงคิดหนักว่า จะรับศพพวกนี้เข้าวัดดีหรือไม่ หรือจะปล่อยให้เป็นผีไร้ญาติ ไร้วัด ไร้ศาสนา 

ไม่รู้น่ะ ถ้านิมนต์อาตมาไปสวดศพพรรณ์นี้ ศพที่ตายด้วยพรรณ์นี้ไม่ใช่ว่า จะใจร้าย ใจดำ ซ้ำเติม แต่อยากจะกระตุกสังคมว่า ไม่เอา ไม่ไป ไม่รับ เป็นวัดก็จะไม่รับให้เข้าวัดมาตั้งศพ มันเป็นเรื่องความเลวชนิดงี่เง่า เลวจนตัวตาย คนขาย คนเสพ เป็นยังไง คนขายก็เป็นเปรต คนเสพก็เป็นศพ อยากรวยกันแบบโง่ๆ บ้าๆ ทำให้ประเทศชาติต้องเสียเงิน เสียทองปราบปรามตามจับ เสียเวลาตำรวจต้องมาประชุม วางแผนตรวจสอบ 

ถ้าจริงๆ ยังคิดจะบำบัดหรือไม่ ยังจะตั้งเอามาบำบัด ๆ หรือว่า ไม่ใช่สมองคิด ควรให้บทเรียนเขาเถอะน่า เขาอยากตายก็อย่าไปบำบัดเลย เขาอยากติด ความคิดโง่ๆชนิดนี้ ขืนปล่อยให้ลุกลาม บานปลายไป จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง 

เจริญพร 


You must be logged in to post a comment Login