วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

‘รอมฎอน’เดือนแห่งการประทานคัมภีร์

On May 8, 2020

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  8-15 พ.ค. 2563)

ทุกศาสนามีหลักศรัทธาเป็นพื้นฐาน หลักศรัทธาสำคัญอย่างหนึ่งในอิสลามคือศรัทธาในคัมภีร์ของพระเจ้า เพราะคัมภีร์เป็นบันทึกวจนะของพระเจ้าที่ถูกส่งมาเป็นกฎกติกาในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ มุสลิมคนใดไม่ศรัทธาในคัมภีร์ของพระเจ้าถือว่าไม่ศรัทธาในพระเจ้าโดยปริยาย

ทำไมพระเจ้าต้องประทานคัมภีร์? คำตอบคือมนุษย์ไม่ได้สร้างชีวิต มนุษย์จึงไม่รู้จักวิธีการใช้ชีวิต คัมภีร์จึงเป็นแนวทางและกฎในการใช้ชีวิตของมนุษย์ เป็นความเมตตาอย่างหนึ่งของพระเจ้า

พระเจ้าไม่ได้สร้างดาวนับล้านดวงขึ้นมาเหมือนโยนลูกเต๋า เมื่อพระองค์สร้างดวงดาวขึ้นมาแล้ว พระองค์ได้สร้างระบบการหมุนและการโคจรของดาวแต่ละดวงขึ้นมาควบคุมมันอย่างมีระเบียบจนมนุษย์สามารถคำนวณการโคจรของมันได้อย่างแม่นยำ กฎการโคจรของดวงดาวเหล่านี้ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง ลองนึกภาพดูว่าถ้าดาวนพเคราะห์ในระบบสุริยะไม่มีการควบคุม อะไรจะเกิดขึ้น?

มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาบนโลกใบนี้โดยมีชีวิตเหมือนสัตว์ สัตว์ไม่มีสติปัญญาเหมือนมนุษย์ แต่มันอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มประชากรที่ถูกควบคุมโดยสัญชาตญาณและไม่มีเสรีภาพในการเลือก ด้วยเหตุนี้สัตว์จึงไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องบาปบุญคุณโทษ

ส่วนมนุษย์แตกต่างจากสัตว์ตรงที่มนุษย์มีสติปัญญา แต่ถึงกระนั้นมนุษย์ยังจำเป็นต้องมีคู่มือหรือกฎระเบียบในการใช้ชีวิตทั้งในด้านส่วนตัวและด้านสังคม จะแตกต่างจากสัตว์ก็ตรงที่มนุษย์มีเสรีภาพที่จะเลือกปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำไป

มนุษย์ได้รับคัมภีร์ทางศาสนาจากเบื้องบนมานานแล้ว คัมภีร์ทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกขณะนี้คือคัมภีร์พระเวทที่ถูกบันทึกเป็นภาษาสันสกฤตโบราณ ไม่มีใครอ้างว่าเป็นผู้เขียนคัมภีร์พระเวทขึ้นมา คัมภีร์พระเวทเป็น “ศรุติ” นั่นคือสิ่งที่ได้ถูกสดับตรับฟังมาและถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร

เมดาน

ในอิสลามพระเจ้าได้คัดเลือกมนุษย์บางคนให้รับวจนะของพระองค์เพื่อนำมาสั่งสอนมนุษย์และปฏิบัติตามคำสอนให้เป็นแบบอย่าง คนที่ถูกคัดเลือกขึ้นมาทำหน้าที่นี้ในภาษาอาหรับเรียกว่า “นบี” ซึ่งแปลว่า “ผู้บอกข่าวจากพระเจ้า” ถึงมนุษยชาติ บางครั้งนบีเหล่านี้ยังถูกเรียกว่า “ผู้ตักเตือน” นบีจึงมิใช่ศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนา

แต่เนื่องจากมนุษย์มีจำนวนมากมายและกระจายตัวกันอยู่เป็นชุมชนต่างๆทั่วโลก พระเจ้าจึงให้มีนบีเกิดขึ้นในทุกชุมชนเพื่อสอนวิธีการดำเนินชีวิตให้แก่ผู้คนในชุมชนของนบี และนบีแต่ละคนจะสอนผู้คนด้วยภาษาของคนในเวลานั้น คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า ในทุกชุมชนเคยมีนบีของตนมาแล้ว

ในบันทึกคำสอนของนบีมุฮัมมัดบอกให้เราได้รู้ว่า นับตั้งแต่อาดัมผู้เป็นมนุษย์และเป็นนบีคนแรกมาจนถึงท่าน มีนบีเกิดขึ้นบนโลกนี้เป็นจำนวนถึง 124,000 คน ในจำนวนนี้มีประมาณ 25 คนที่ถูกเอ่ยชื่อไว้ในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอาน

นบีมุฮัมมัดยังให้ข้อมูลต่อไปอีกว่า พระเจ้าได้ประทานคัมภีร์จำนวน 313 เล่มแก่นบีบางคน นบีคนใดได้รับคัมภีร์จากพระเจ้าจะถูกเรียกว่า “รอซูล” หรือผู้นำสาส์น หรือศาสนทูต

มนุษย์ไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อนบีและคัมภีร์ทั้งหมด เพราะนบีทุกคนและคัมภีร์ทุกเล่มมีหลักคำสอนหลักๆที่เหมือนกัน นั่นคือเรื่องการศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว และการฟื้นคืนชีพหลังความตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องรู้และต้องปฏิบัติตาม

เราได้ข้อมูลที่น่าสนใจจากนบีมุฮัมมัดอีกว่า คัมภีร์ของพระเจ้า 5 เล่มที่ชาวยิว ชาวคริสเตียน และชาวมุสลิม รู้จักถูกประทานมาในช่วงเดือนรอมฎอน นั่นคือ

คัมภีร์ศุฮุฟ ถูกประทานแก่อับราฮัมหรือนบีอิบรอฮีมในคืนแรกของเดือนรอมฎอน

คัมภีร์โตราห์ (หรือเตารอต) ถูกประทานแก่โมเสสหลัง 6 วันแรกของเดือนรอมฎอน

คัมภีร์ษะบูรฺ (Psalm) ถูกประทานแก่เดวิดหลังวันที่ 18 ของเดือนรอมฎอน

คัมภีร์อินญีล (Gospel) ถูกประทานแก่พระเยซูหลังวันที่ 13 ของเดือนรอมฎอน

และคัมภีร์กุรอาน ถูกประทานลงมาหลังวันที่ 24 ของเดือนรอมฎอน

นี่คือเหตุผลที่ทำให้เดือนรอมฎอนมีความสำคัญสำหรับชาวมุสลิม และชาวมุสลิมทั่วโลกจะทุ่มเทเวลาให้แก่การอ่านหรือการท่องจำคัมภีร์กุรอาน

 


You must be logged in to post a comment Login