วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

ใช้สติปัญญานำชาติพ้นวิกฤต

On January 29, 2020

คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 29 ม.ค.63)

ตอนนี้ปัญหารุมเร้ารัฐบาลจนแทบจะตั้งตัวไม่ทัน ไหนจะฝุ่นจิ๋ว PM2.5 หรือโรคใหม่อย่างเชื้อไวรัสโคโรน่า ทำให้วงการท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะได้รับความเสียหายจากการที่ประเทศจีนประกาศห้ามไม่ให้คนของตัวเองออกนอกประเทศ ส่งผลทำให้เศรษฐกิจเสียหายอย่างมหาศาล แต่ก็ต้องเลือกระหว่างเสียเศรษฐกิจกับเสียชีวิต ซึ่งถ้าไม่ป้องกันก็อาจจะเสียชีวิต ปัญหาที่เกิดขึ้นกำลังถาโถมใส่รัฐบาลจนตั้งตัวไม่ติด

ข่าวเชื้อไวรัสโคโรน่าเป็นข่าวที่มาแรงแซงข่าวอื่น ไม่ว่าจะเป็นข่าวฆ่า ข่าวทุจริตคอร์รัปชัน หรือข่าวหย่าร้างของดารา ก็ไม่เท่ากับข่าวโรคไวรัสโคโรน่าที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบจากประเทศจีนที่กำลังแพร่ระบาดไปยังหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เรียกว่าสยบข่าวอื่นแล้วมาตื่นตัวกับข่าวนี้ เขาบอกว่าตื่นตัวได้ แต่อย่าตื่นเต้น อย่าหวาดหวั่นขวัญเสียจนกระทั่งไม่เป็นอันทำมาหากิน ต้องอยู่ด้วยความไม่ประมาท รู้จักรักษาเนื้อรักษาตัว อย่าไปใกล้ชิดกับคนมากมายนัก

พอพูดถึงเรื่องนี้ทำให้เห็นภาพประเทศจีนบางมณฑลบางเมืองเหมือนเป็นเมืองร้างเลยทีเดียว ยิ่งเป็นเมืองปิดไม่ให้คนเข้าออก เศรษฐกิจเรียกว่าพังสนิทไปตามๆกัน ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้เศรษฐกิจซบเซาเฉาเหี่ยว แทบไม่มีข่าวอื่นครั้งอื่นทำลายได้เท่ากับครั้งนี้ ถ้ายังยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรน่าไม่อยู่ ปล่อยให้มันลุกลามบานปลาย ขยายไปเป็นแสนเป็นล้านคน

ทำให้นึกถึงครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาลที่เกิดโรคระบาด โรคร้าย ซึ่งคนโบราณเรียกว่าโรคห่า บ้างก็เรียกว่าอหิวาตกโรค พระเจ้าอู่ทองถึงกับย้ายเมืองหนี ไม่สามารถอยู่ในบ้านเมืองได้ เพราะคนล้มหายตายจากด้วยโรคร้ายมากมาย ต้องให้พระช่วยสวดรัตนสูตร ให้เจริญพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ คุณพระรัตนตรัยให้โรคร้ายระงับลง

สมัยโน้นไม่มีวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่มีจิตแพทย์มารักษาจิตของคนที่เป็นโรคหรือโรคระบาดไม่ให้ขวัญเสียมากเกินไป แต่มีความอุ่นใจว่าพระรัตนตรัยช่วยรักษาคนไม่ให้เจ็บปวดล้มตายมากมาย ซึ่งเรื่องนี้หลายประเทศกำลังวิตก แต่ประเทศไทยเรายังเข้ามาไม่มาก ไม่เหมือนบางซีกโลกที่เขาวิปโยคโศกศัลย์เรื่องนี้ อยู่ในภาวะที่เรียกว่าเข้าขั้นคับขัน

เรื่องนี้ไม่ใช่แต่กระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียว ต้องบูรณาการกันหลายกระทรวง กระทรวงคมนาคมก็ต้องร่วมด้วย แม้กระทั่งกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงต่างๆก็ต้องปลุกระดมชาวบ้านให้ระมัดระวัง ไม่ให้ประมาทชะล่าใจ

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเรื่องนี้หรือไม่ที่ตอนแรกอาตมาคิดว่าเทศกาลตรุษจีนปีนี้คนน่าจะมาเที่ยว มาวัดสวนแก้วกันคึกคัก แต่ปรากฏว่ามากันน้อยกว่า เหมือนกับคนไม่อยากจะไปไหน ไม่อยากจะไปคลุกคลีสัมผัสใครต่อใครให้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับโรคร้าย เลยไม่กล้าไปเที่ยว ออกไปโน่นไปนี่ ไปไหนมาไหน

วัดต่างๆที่จัดงานฝังลูกนิมิตที่หวังว่าคนจะมางานฝังลูกนิมิตเพื่อจะได้เงินเข้าวัด แต่แล้วโรคนี้ทำลายความหวังของทางวัดไปอย่างสนิทเลยทีเดียว ไม่มีคนไปไหนมาไหน เที่ยวเตร่ใช้เงินใช้ทองเหมือนก่อน ก็หวังว่าประเทศไทยคงจะมีหมอดีๆ มีบุคคลที่สามารถร่วมกันแก้ไขป้องกัน โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขไม่ทราบว่าจะเอากัญชามาปราบไวรัสไหวหรือไม่ ถ้ากัญชาช่วยได้ต้องเรียกว่าเป็นพระเอกม้าขาวมาช่วยแก้สถานการณ์ได้เลย

คราวนี้มาถึงข่าวที่อาตมาอยากจะพูดถึงคือ มีตำรวจระดับ พล.ต.อ. 2 นาย ต้องย้ายเข้ากรุไปอยู่กับ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งไม่รู้ว่าจะมองหน้ากันอย่างไร การที่มีกลุ่มคนและภัยธรรมชาติเข้ามาสร้างปัญหาให้รัฐบาลเสียเวลาคิดแก้ ประเทศชาติจะเดินหน้าก็เดินไปไม่ได้ ต้องสะดุดอยู่อย่างนี้ ก็น่าเห็นใจรัฐบาล เรียกว่าทุกขลาภชัดๆ และผลไม้ พืชผลทางการเกษตรราคาถูก ถ้ารัฐบาลแก้ไม่ถูก แก้ไม่ทัน คงจะเกิดปัญหาแน่นอน

ปัญหาที่เกิดทั้งหมดทั้งสิ้นน่าจะทำให้สะทกสะท้าน อย่างกรณีสำนักนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ พร้อมถูกตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากมีพฤติการณ์และการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ กระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและการปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นเหตุให้ราชการเสียหาย

วงการตำรวจเหมือนจะเงียบๆมา 1-2 ปี แต่คราวนี้น่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งก่อนที่ปัญหาทั้งหลายจะสลายไป ขอให้กำลังใจ ให้ศีล ให้พร ให้รัฐบาลเข้มแข็ง สุขภาพดี พร้อมที่จะสู้กับงาน ถ้ารัฐบาลไม่โดนน็อก มีน้ำอดน้ำทน ฮึดสู้ ก๊อกสองไขขึ้นมาเพื่อทำให้บ้านเมืองหลุดพ้นจากวิกฤตต่างๆ ก็ขอให้มีสติปัญญานำพาประเทศชาติให้พ้นวิกฤตการณ์ทันเวลา ทันเหตุการณ์ได้ตลอดไป

เจริญพร

 


You must be logged in to post a comment Login