- สาวไส้กันเองPosted 1 day ago
- ย้อนวันวานPosted 4 days ago
- ทหารไม่ใช่รับใช้นายPosted 5 days ago
- เรียนรู้ศีล สมาธิ ปัญญาบ้างPosted 6 days ago
- ใช้เวลาให้มีประโยชน์Posted 7 days ago
- ต้องมีจิตใจที่ให้อภัยPosted 1 week ago
- โจรจัญไรPosted 2 weeks ago
- อย่าบานปลายPosted 2 weeks ago
- เงินเป็นอสรพิษของพระPosted 2 weeks ago
- อารมณ์ทำพลิกตาลปัตรPosted 2 weeks ago
ถ้ำกินเด็ก
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 17-24 มกราคม 2563)
เด็กชาย 3 คนชวนกันไปสำรวจถ้ำตามลำพังโดยไม่เชื่อฟังคำคัดค้านห้ามปรามของผู้ใหญ่ หลังจากเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเด็กทั้ง 3 คนไม่ได้กลับมาบ้าน เจ้าหน้าที่รัฐระดมกำลังค้นหาครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาแต่ไม่พบร่องรอยใดๆแม้แต่น้อย
รัฐมิสซูรีได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่มีถ้ำทั้งที่มีการสำรวจแล้วและยังไม่เคยมีคนสำรวจจำนวนมาก มันจึงเหมือนแดนสวรรค์ของนักสำรวจถ้ำและนักผจญภัย ถ้ำเมอร์ฟีย์ ในเมืองฮานนิบาล ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเซนต์หลุยส์ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราว 100 ไมล์คือหนึ่งในถ้ำเหล่านั้น
ภายในถ้ำเมอร์ฟีย์มีช่องทางคดเคี้ยวเลี้ยวลดจำนวนมากเปรียบเสมือนเขาวงกต กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดเด็กๆที่หลงใหลการผจญภัยแอบเข้าไปสำรวจภายในถ้ำเสมอๆ เมื่อเข้าไปภายในถ้ำแล้วพบเส้นทางใหม่ทุกครั้งก็ยิ่งทำให้เดินเข้าไปลึกมากขึ้นๆเพราะความอยากรู้อยากเห็น
โจอี้ บิลลี่ และเครก
โจอี้ โฮกส์ วัย 13 ปี และบิลลี่ โฮกส์ วัย 10 ปี สองพี่น้องชอบชวนกันไปสำรวจถ้ำเมอร์ฟีย์เป็นประจำแม้ว่าพ่อแม่จะไม่เห็นด้วยกับการเล่นซนเสี่ยงอันตรายของลูกๆ แต่โจอี้และบิลลี่ก็ยังแอบไปที่ถ้ำหลายครั้ง ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะการเล่นสำรวจถ้ำเป็นกิจกรรมที่เด็กในยุคสมัยนั้นทำกันเป็นเรื่องปกติ
พบเส้นทางใหม่
วันที่ 9 พฤษภาคม 1967 โจอี้และบิลลี่ชวนกันไปเล่นในถ้ำเมอร์ฟีย์เหมือนที่เคยทำมาหลายครั้ง แต่คราวนี้พวกเขากลับมาบ้านด้วยเนื้อตัวสกปรกมอมแมม เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนสีแดง ทำให้พ่อแม่ทำโทษห้ามออกไปเล่นนอกบ้านอีก
แผนที่บริเวณบ้านของเด็กและถ้ำเมอร์ฟีย์
ในช่วงเวลานั้นมีการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อกับทางหลวงสาย 79 ลากจากเมืองฮานนิบาลไปยังตอนเหนือของเมืองเซนต์หลุยส์ การระเบิดปรับผิวหน้าดินเผยให้เห็นโพรงใต้ดินขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับโพรงภายในถ้ำเมอร์ฟีย์ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ข่าวนี้เป็นที่เย้ายวนใจนักผจญภัยวัยกระเตาะอย่างโจอี้และบิลลี่จนไม่สามารถหักห้ามใจได้
ภายในถ้ำเมอร์ฟีย์
วันที่ 10 พฤษภาคม ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศกำลังสบายๆเหมาะกับการออกมาเล่นนอกบ้าน โจอี้และบิลลี่รอเวลาที่นัดหมายกับเพื่อนที่โรงเรียนเอาไว้หลังจากที่แม่ออกจากบ้านเพื่อไปจ่ายตลาดสำหรับร้านอาหารโฮกส์ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว โดยสั่งดีดี ลูกสาววัย 16 ปี ให้คอยจับตาดูโจอี้และบิลลี่
เวลา 15.00 น. โจอี้และบิลลี่กลับจากโรงเรียนเดินเข้าบ้านสวนกับดีดีที่ห้องโถง สักพักบิลลี่ก็เปิดประตูบ้าน ดีดีถามน้องชายว่าจะไปไหน บิลลี่ตอบว่าไปข้างนอก ดีดีเตือนบิลลี่ว่าอย่าออกนอกเขตรั้วบ้านเพราะถูกแม่ทำโทษอยู่ โจอี้แอบออกจากบ้านตอนไหนไม่รู้ โจอี้และบิลลี่เดินตรงไปยังบ้านเกร็ก เฮนเดอร์สัน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพวกเขาเพียงแค่ 50 ฟุตเท่านั้น
โพรงใต้ดินเชื่อมต่อกับถ้ำเมอร์ฟีย์
ได้ไปแต่ไม่ได้กลับ
โจอี้นัดหมายกับเกร็กว่าจะไปสำรวจเส้นทางใหม่ในถ้ำเมอร์ฟีย์ เวลานั้นคุณยายของเกร็กทำอาหารเย็นเสร็จพอดีจึงเรียกให้เกร็กมากินข้าวเย็น ทำให้แผนการสำรวจถ้ำของเกร็กต้องเป็นม่าย บอกยกเลิกนัดโจอี้ขอเลื่อนเป็นวันหลัง
โจอี้เดินไปที่บ้านของเครก โดเวล วัย 14 ปี ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมโรงเรียนสโตเวล โดยปกติแล้วเครกไม่ได้อยู่ก๊วนเดียวกับโจอี้ แต่หลังจากที่โจอี้เล่าเรื่องการพบทางเชื่อมต่อกับโพรงในถ้ำเมอร์ฟีย์ก็ทำให้เขาสนอกสนใจ ตัดสินใจตามไปสำรวจด้วยอีกคน
ทีมค้นหาตรวจค้นบริเวณโพรงใต้ดิน
เวลา 16.30 น. ลินน์ สตรับ วัย 14 ปี เห็นเด็กทั้ง 3 คนถือพลั่ว ไฟฉาย และบันได ที่บริเวณสถานีดับเพลิง กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังถ้ำเมอร์ฟีย์ เวลา 17.00 น. มีคนเห็นเด็กชาย 3 คนบริเวณทางตอนใต้ของถ้ำเมอร์ฟีย์ ซึ่งนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นโจอี้ บิลลี่ และเครก
หลังจากเลยเวลาอาหารค่ำ เด็กทั้ง 3 คนยังไม่กลับบ้าน ผู้ปกครองเริ่มกังวลใจ จากการสอบถามเพื่อนบ้านทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเด็ก 3 คนชวนกันไปสำรวจถ้ำเมอร์ฟีย์แน่ๆ แม่ของโจอี้จึงแจ้งตำรวจให้ช่วยออกค้นหาลูก
น้องๆขุนน้ำนางนอน
ในตอนแรกมีเพียงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นช่วยกันออกค้นหาเด็กชาย 3 คนที่บริเวณถ้ำเมอร์ฟีย์ แต่หลังจากที่ข่าวแพร่กระจายออกไปก็มีการส่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆ เช่น FBI และหน่วยรักษาความมั่นคงแห่งชาติ รวมถึงนักสำรวจถ้ำทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพจำนวนมากลงพื้นที่ ซึ่งในจำนวนนี้มีนักสำรวจถ้ำระดับโลก สมาชิกสมาคมสำรวจถ้ำแห่งชาติรวมอยู่ด้วย เป็นการรวมทีมค้นหาในถ้ำครั้งใหญ่ที่สุดของอเมริกา
ทีมนักสำรวจถ้ำทำแผนที่เส้นทางต่างๆภายในถ้ำเมอร์ฟีย์อย่างละเอียด พวกเขาจัดทีมเข้าค้นหาทุกเส้นทางในถ้ำตลอดระยะเวลา 10 วัน โดยที่ไม่พบร่องรอยเด็กทั้ง 3 คนแม้แต่น้อย ทำให้สันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ 2 กรณีคือ เด็กเข้าไปอยู่ในจุดที่เกิดถ้ำถล่มทำให้ไม่พบร่องรอย หรือเด็กไม่ได้เข้ามาในถ้ำตั้งแต่แรก
พี่ชายโจอี้และชาวบ้านช่วยกันค้นหาเด็กที่หายตัวไป
การค้นหาตีวงกว้างออกไปด้านนอกถ้ำ โดยเฉพาะจุดที่เป็นโพรงใต้ดินสามารถเชื่อมต่อกับโพรงในถ้ำเมอร์ฟีย์ แต่ทีมค้นหาก็ยังไม่พบอะไรนอกจากถุงเท้าหนึ่งข้างในหลุมใกล้ๆกับถ้ำ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นถุงเท้าของหนึ่งในเด็กที่หายตัวหรือไม่
นานวันเข้าเริ่มมีคนแจ้งเบาะแสเข้ามา แต่ยิ่งกลับทำให้การค้นหาลำบากยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากล้วนเป็นข่าวสารที่มโนกันขึ้นมาเอง เช่นมีคนพบกองเลือด แต่เมื่อตำรวจไปดูพบว่าเป็นเพียงกองปุ๋ย บางคนก็แจ้งว่าเห็นชายแปลกหน้าแต่งชุดดำพาเด็กๆไป
ช่วยตัวเอง
หลังจากทีมงานระดับชาติผนึกกำลังค้นหาภายในถ้ำทุกตารางนิ้วตลอดระยะเวลา 10 วันโดยไม่พบร่องรอยใดๆแม้แต่น้อย พวกเขาจึงถอนกำลังออก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและชาวบ้าน
หัวหน้าทีมสำรวจถ้ำกล่าวว่า พวกเขาตรวจดูทุกช่องทางในถ้ำ ตรวจตามตำแหน่งที่คาดว่าอาจเกิดถ้ำถล่มทุกจุด แต่ไม่พบอะไรเลย หากเด็กติดอยู่ในถ้ำจริงก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ เด็กติดอยู่ในเส้นทางใหม่ที่นักสำรวจถ้ำไม่พบว่ามีอยู่
ญาติๆรอฟังข่าวจากทีมค้นหา
ที่พึ่งสุดท้ายของพ่อแม่คือหมอดู บางคนเดินทางไกลมาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย บางคนมาจากแอริโซนา หมอดูบอกว่าเด็กถูกขังอยู่ในตู้สินค้าคาดสีส้ม แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งข้อมูลนี้นอกจากไม่ได้ช่วยอะไรแล้วยังเชื่อถือไม่ได้อีกด้วย
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและชาวบ้านช่วยกันค้นหาจนกระทั่งถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ในที่สุดพวกเขาก็ยอมแพ้โดยไม่พบเบาะแสเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้การหายตัวไปของโจอี้ วิลลี่ และเครก กลายเป็นปริศนาตลอดกาล
ทีมค้นหาระดับชาติยกเลิกการค้นหาภายในถ้ำเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม
ข่าวการค้นหาเด็ก 3 คนที่หายไปในถ้ำเมอร์ฟีย์
You must be logged in to post a comment Login