วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

นายกฯให้โอวาททัพนักกีฬาแนะใช้สติแข่งขัน

On November 13, 2019

วันนี้ (13 พ.ย.) ​เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้โอวาทคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เจ้าหน้าที่และนักกีฬาทีมชาติไทย ที่จะเดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ตอนหนึ่งว่า วันนี้ในนามรัฐบาลไทยและปวงชนชาวไทย และในนามนายกฯ ขอแสดงความยินดีและชื่นชมกับนักกีฬาทุกคนที่ได้รับคัดเลือกไปร่วมแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งทุกคนได้แสดงถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจฝึกซ้อมและมีวินัย จนสำเร็จได้เป็นตัวแทนของไทย ทั้งนี้ ขอให้ย้อนไปดูว่าการแข่งขัน 29 ครั้งที่ผ่านมาผลการแข่งขันเป็นอย่างไร มีปัญหาตรงไหน และจะแก้ไขได้อย่างไร ซึ่งทุกคนมีส่วนร่วมในการปฏิรูปด้านการกีฬาของประเทศให้ก้าวหน้า ทั้งนี้ การไปต่างประเทศทุกครั้งเหมือนทุกคนแบกหน้าตา แบกชื่อเสียง และแบกความหวังของคนไทยไปด้วย

นายกฯกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ยากที่จะทำให้ได้ชัยชนะ บางอันได้แล้วแต่รักษาไม่ได้ บางอันก็ไม่เคยได้ ดังนั้น ทุกคนต้องตั้งใจทำให้ดีกว่าเดิม เช่นเดียวกับรัฐบาลที่ต้องทำทุกอย่างให้ดีกว่าเดิม และแก้ปัญหาเดิมๆให้ได้ โดยใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา เหมือนนักกีฬาที่ใช้กำลังกายและกำลังใจในการแก้ไขปัญหาและแข่งขันกีฬา พร้อมกับหามิตรไปด้วย ซึ่งรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ การพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมกับการเสริมสร้างสุขภาพอนามัย ซึ่งประเทศชาติที่ดีต้องแข็งแรงและเข้มแข็ง ต้องมีทรัพยากรมนุษย์ที่เข้มแข็ง รักการเล่นกีฬาและออกกำลังกาย โดยจะทำให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า นอกจากความเจริญก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ สิ่งสำคัญคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนคิดเสมอว่าเราจะเป็นอะไรและทำอะไรในอนาคต หากมองอนาคตไว้ล่วงหน้าก็จะนำตัวเองไปสู่อนาคต แต่หากไม่มีเป้าหมาย คิดแต่ไปแข่ง แพ้ชนะไม่เป็นไร กลับมาก็เป็นเหมือนเดิมทุกครั้ง จึงขอให้ทุกคนสร้างแรงบันดาลใจให้ได้ โดยเฉพาะสมาคมกีฬาต้องไปทบทวนว่าเหรียญที่เคยได้หรือเหรียญที่ไม่เคยได้จะทำอย่างไร นี่เป็นการปฏิรูปการกีฬาของประเทศ ทั้งนี้ อนาคตอยากเห็นนักกีฬาของเรามีรูปร่างสูง และสมรรถนะร่างกายเทียบเท่าต่างประเทศ

นายกฯกล่าวอีกว่า ได้เน้นย้ำกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้เสริมสร้างเรื่องกีฬาให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย ต้องมีการเตรียมคน เตรียมสถานที่ และทุกอย่างใช้งบประมาณจำนวนมาก เพราะก่อนหน้านี้เราไม่ได้ทำเรื่องเหล่านี้มามากนัก แต่งบประมาณก็มีจำกัด วันนี้ประเทศกำลังมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องต่างๆอีกจำนวนมาก และจำเป็นต้องดูแลประชาชนที่มีรายได้น้อยอีกด้วย เพราะประเทศอยู่ในขั้นตอนการปฏิรูปและขับเคลื่อนในอนาคต ซึ่งรัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำร่วมกับทุกคน รวมถึงภาคเอกชนต้องช่วยกันสนับสนุน โดยเฉพาะนักธุรกิจที่มีเงินเยอะ ขอให้ช่วยกันทำงานมากยิ่งขึ้น เช่น การสนับสนุนกีฬา สมาคมต่างๆ ซึ่งตนขอขอบคุณเป็นการส่วนตัว วันนี้เรากำลังเดินหน้าประเทศ อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง เราคิดแบบเดิมและทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว ถ้ายังคิดแบบเดิมก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ประเทศก็จะถอยหลัง จะเห็นว่าเมื่อก่อนสถิติของเราอยู่ในอันดับต้นๆ ต่อมาเราอยู่ในอันดับ 2 และ 3 ซึ่งไม่ใช่ความบกพร่องของเรา แต่เป็นความบกพร่องของอดีตที่ผ่านมาที่ไม่ได้มองเป้าหมายอนาคตไว้ล่วงหน้า ดังนั้น รัฐบาลนี้ต้องมองอนาคต หลายคนอาจจะไม่เห็นด้วยว่าทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร แต่วันหน้าจะรู้สึกว่าที่เราทำมีประโยชน์อย่างไร อยากให้เข้าใจว่าทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศ และขอให้มีการวางโรดแม็พด้านการกีฬาให้ชัดเจนขึ้น รัฐบาลจะได้สนับสนุนได้

ในการไปร่วมการแข่งขันกีฬาทุกคนต้องทำหน้าที่เหมือนทูตวัฒนธรรมที่ต้องนำขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของไทยไปเผยแพร่ ซึ่งวันนี้โซเชียลมีเดียกำลังเติบโต นักกีฬาที่จะไปแข่งขันกีฬาในโทรศัพท์ของทุกคนจะต้องมีสิ่งที่สวยงามทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและอาหารไทยไปอวดเพื่อน หรือไปหาในเว็บไซต์ต่างๆ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรไปคุยกับเขา ท้ายที่สุดก็ไปนินทาคนนั้นคนนี้ ไม่ได้ประโยชน์ ซึ่งในโซเชียลก็เป็นอย่างนี้ ขัดแย้งกันทุกวัน ตนก็ปวดหัว แต่ก็มีกำลังใจในการเดินหน้าประเทศไปกับทุกคน เพราะประเทศชาติไม่ใช่ของตน แต่เป็นของคนในชาติกว่า 70 ล้านคน จะทำอย่างไรให้เดินหน้าไปได้

ขณะที่ไปแข่งขันกีฬา นอกจากตัวเองแล้ว ประเทศไทยก็อยู่กับตัวท่าน คิดแค่ 2 เรื่องนี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องมาคิดถึงตน ไม่ต้องคิดถึงโค้ชอีกแล้ว ท่านต้องเอาชัยชนะกลับมา ซึ่งใครที่ได้ชัยชนะก็ต้องรักษาให้ได้ การได้แชมป์ ได้เหรียญยากอยู่แล้ว แต่การรักษาไว้ยากยิ่งกว่า ให้ทุกคนคิดถึงประเทศไทย วันนี้ตนพยายามขับเคลื่อนประเทศในทุกมิติ เพื่อประเทศไทยต้องเป็นที่หนึ่งในใจของเราเสมอ นั่นคือคำว่าประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย ทุกคนคือประเทศไทย ถ้ามองประเทศก่อนก็จะกลับมาสู่ตัวเราเองว่าจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับประเทศ หรือไทยแลนด์เฟิสต์ ถ้าไม่คิดตรงนี้ก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่ตรงไหน ตัวเราเองอยู่ตรงไหน

อย่าไปฟังใครพูดจนบิดเบือนไปทั่ว เพราะชัยชนะทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานความมีน้ำใจและการเคารพกติกา ให้เกียรติคู่แข่ง อย่าไปดูถูก และต้องรู้จักแพ้ รู้จักชนะ บางครั้งตนเห็นตอแยกรรมการกันมากเกินไป ดูแล้วน่ารำคาญ ตัดสินแล้วก็ไม่ยอมกัน บางทีคนดูก็รำคาญ เพราะเห็นกันชัดอยู่แล้ว แต่ยังไปตอแยกรรมการอยู่อย่างนั้น คนดูก็ไม่ชอบ ดังนั้น ต้องรู้จักแพ้ รู้จักชนะ ยินดีกับคนที่ชนะ เพราะเป็นเพื่อนกันทั้งโลก ให้กำลังใจเขาด้วย หากเล่นกีฬาด้วยความโกรธ ทุกอย่างจะดร็อปไปทั้งหมด เหมือนตนเวลาโมโหคนก็รู้สึกว่าการทำงานของตนด้อยไปทันที เพราะสมองเสียไป เสียเวลา กว่าจะปรับมาอีกทีก็หลายชั่วโมง ดังนั้น ทุกคนต้องทำใจ ต้องใช้ธรรมะมาช่วย เพราะเราเป็นคนไทย


You must be logged in to post a comment Login