วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ฝ่ายค้านจ่อยื่นญัตติซักฟอกนายกฯปมถวายสัตย์ฯไม่ครบ

On August 15, 2019

ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นญัตติต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้เปิดการอภิปรายทั่วไป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า เมื่อวานนี้ได้มีการมอบหมายให้นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ไปร่างญัตติและจะพิจารณาว่าจะใช้ชื่อญัตติอะไร โดยมีกรอบเวลาว่าวันนี้ (15 ส.ค.) จะต้องจบและจะมีการแถลงข่าวในวันนี้ด้วย ทั้งนี้ การยื่นอาจจะเป็นบ่ายวันนี้หรือเช้าของวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ซึ่งขอนัดหมายกับประธานก่อน ทั้งนี้ มีปัญหาที่เพิ่งพบคือ ข้อบังคับสภาเดิมไม่ได้เขียนรองรับการอภิปรายมาตรา 152 แต่ข้อบังคับใหม่ที่กำลังพิจารณาอยู่ขณะนี้ได้มีการเขียนรองรับไว้ โดยเชื่อว่าจะพิจารณาเสร็จในบ่ายวันนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าการยื่นญัตติตามมาตรา 152 เป็นมาตรการที่จะทำให้นายกฯไม่สามารถหนีการอภิปรายของฝ่ายค้านหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ถือว่าเป็นมาตรการที่ทำให้ทุกฝ่ายเร่งเรื่องนี้ให้จบ รวมถึงศาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อเห็นปัญหาเกิดขึ้นจะได้เร่งรัดการพิจารณาให้จบ รัฐบาลจะได้เคลียร์สถานภาพให้ชัดเจนและสามารถเดินหน้าทำงานได้ ทั้งนี้ หากไม่มีมาตรา 152 ไม่มีการนำมาพูดคุยในสภา นายกฯอาจจะหนีสภาไปเรื่อยๆและไม่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง รวมถึงโยนให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะพิจารณาจบเมื่อไร หากใช้ระยะเวลานานเปรียบเหมือนกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ ยืนยันว่าเจตนาของเราคือหาทางออกให้รัฐบาล และเร่งรัดให้ทุกฝ่ายรีบจัดการปัญหานี้

เมื่อถามว่าจะเป็นการชี้นำองค์การอิสระหรือไม่เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา นายสุทินกล่าวว่า คงไม่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งถือว่าไม่ได้มีอำนาจในการชี้ขาด เพียงตรวจเบื้องต้นเหมือนเป็นไปรษณีย์ว่าจะส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งนี้ สภาสามารถทำหน้าที่ได้ ไม่ได้ถือเป็นการก้าวก่าย ก้าวล่วง หรือชี้นำ เช่นเดียวกับการอภิปรายคุณสมบัตินายกฯ แม้จะอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้ ส่วนจะคุ้มหรือไม่กับการที่จะยื่นอภิปรายในมาตรา 152 ที่สามารถยื่นได้ปีละครั้งเดียวนั้น มองว่าตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรละเลย มีการชั่งน้ำหนักวันนี้กับวันข้างหน้า ซึ่งการถวายสัตย์ฯเป็นต้นทาง การทำงานของรัฐบาลถือเป็นเรื่องใหญ่ หากจะเสียโอกาสนี้ไปเพื่อมาใช้ในครั้งนี้มองว่าคุ้มค่า

“เชื่อว่านายกฯจะต้องมาชี้แจง หากไม่มาถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่และไม่ให้เกียรติสภา แถมยังไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและขัดมาตรฐานจริยธรรมของนักการเมือง”

เมื่อถามว่าการลงมติร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อที่ 13 ว่าด้วยการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (14 ส.ค.) ซึ่ง กมธ.เสียงข้างมากแพ้โหวตเป็นครั้งที่ 2 นายสุทินกล่าวว่า เป็นเพราะ กมธ. แสดงเหตุผลได้ดีและสามารถโน้มน้าวใจ ส.ส. ให้เห็นสิ่งที่ชอบด้วยประชาธิปไตย และปฏิเสธสิ่งที่มาจากอำนาจนอกระบบ


You must be logged in to post a comment Login