- เลือกงานให้โดน บริหารคนให้เป็น ตาม“ลัคนาราศี”Posted 13 hours ago
- ต่างศาสนา ต่างชาติพันธุ์ อยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างPosted 13 hours ago
- โลภ•ลวง•หลง เกมพลิกชีวิต รีแบรนด์หรือรีบอร์นPosted 13 hours ago
- กูไม่ใช่ไก่ต้มเว้ย! อย่ามาต้มกูเลย..Posted 13 hours ago
- หยุดความรุนแรง-ลวงโลกPosted 2 days ago
- อ.เบียร์ช่วยวัดสวนแก้วPosted 5 days ago
- เลิกเสียเงินกับเรื่องโง่ๆPosted 6 days ago
- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 7 days ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 1 week ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 1 week ago
เราเป็นของพระเจ้า เราจะกลับไปหาพระองค์ / โดย บรรจง บินกาซัน
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
เมื่อได้รับข่าวการตายของใครคนหนึ่ง มุสลิมจะกล่าวคำว่า “อินนาลิลลาฮฺ วะอินนาอิลัยฮิรอญิอูน” ซึ่งมีความหมายว่า “แท้จริงเราเป็นของอัลลอฮฺ (พระเจ้า) และแน่นอนเราจะกลับไปหาพระองค์”
ไม่เพียงแค่ได้ยินข่าวการตายเท่านั้น แม้ในยามที่ตัวเองประสบเคราะห์กรรม มุสลิมที่มีการศึกษาและมีความสำนึกในศาสนาก็จะกล่าวคำนี้เช่นเดียวกัน
ถ้อยคำเตือนสติดังกล่าวข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของประโยคในคัมภีร์กุรอานที่กล่าวว่า
“เราจะทดสอบสูเจ้าด้วยความกลัว ความหิว และการสูญเสียทรัพย์สิน ชีวิต และพืชผล จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทนที่เมื่อเคราะห์กรรมดังกล่าวเกิดขึ้นกับพวกเขาแล้ว เขากล่าวว่า “แท้จริงเราเป็นของอัลลอฮฺ และแน่นอนเราจะกลับไปหาพระองค์” คนเหล่านี้แหละที่พรอันประเสริฐและความเมตตาจากพระเจ้าจะมายังพวกเขา และคนเหล่านี้แหละคือผู้ได้รับการนำทาง” (กุรอาน 2:155-157)
ถ้อยคำดังกล่าวนี้บอกความจริงให้รู้ว่าเรามิได้เป็นเจ้าของชีวิตของเราทั้งร่างกายและวิญญาณ เพราะเราไม่ได้สร้างชีวิตของเราขึ้นมาเอง พ่อแม่ก็มิได้เป็นผู้สร้างชีวิตของเราขึ้นมา เพราะสามีภรรยาหลายคู่ที่มีฐานะมั่งคั่งอยากจะมีลูกแต่ก็ไม่มีลูกดังต้องการ แม้จะใช้เงินไปจำนวนมากมายให้แพทย์ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เข้าช่วย แต่แพทย์ทำได้ก็แค่นำตัวสเปิร์มไปผสมกับไข่เพื่อการปฏิสนธิ แต่ถ้าตัวอ่อนไม่ได้รับวิญญาณ ตัวอ่อนก็ไม่มีชีวิต และไม่มีแพทย์คนใดกล้ายืนยันว่าตนเองมีความรู้พอที่จะอัญเชิญวิญญาณมาเข้าร่างตัวอ่อนได้ ที่ประสบความสำเร็จและนำออกมาโฆษณากันก็เพียงบางกรณีที่พระเจ้าประสงค์เท่านั้น
ถ้าเราเป็นเจ้าของกระเป๋าสักใบหนึ่ง เราสามารถจะขายหรือให้ หรือแม้แต่จะเอามันโยนลงไปในกองไฟก็ได้ เพราะเราเป็นเจ้าของ แต่สำหรับอวัยวะที่แม้จะอยู่ในร่างกายของเรา เราก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันตามใจตัวเราเอง เราไม่สามารถสั่งหัวใจให้เต้นช้าหรือเร็วกว่าที่มันเป็น เราไม่สามารถสั่งกระเพาะให้เลื่อนการย่อยไปเป็นสัปดาห์หน้าเพราะเสียดายของอร่อยแสนแพงที่กินเข้าไป ถ้าเราเป็นเจ้าของตัวเราเอง ทำไมเราจึงไม่สามารถห้ามร่างกายมิให้ง่วงนอนและเจ็บป่วยได้
การเจ็บไข้ได้ป่วย เคราะห์กรรม ความทุกข์ยากลำบาก ความสูญเสียทั้งหลาย เป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนดเพื่อบอกถึงความอ่อนแอของมนุษย์ และเตือนมนุษย์ว่าอย่าได้ยโสโอหัง มันถูกกำหนดไว้เป็นวัตถุประสงค์หนึ่งที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา พระองค์ต้องการจะบอกมนุษย์ว่าในช่วงระหว่างเกิดและตายนั้น ช่วงเวลานี้ถูกเรียกว่า “ชีวิต” ที่เต็มไปด้วยการทดสอบด้วยรูปแบบต่างๆเพื่อที่จะกลับไปหาพระองค์
ไม่ต่างอะไรไปจากการเข้าเรียนในสถาบันการศึกษา การจะเลื่อนชั้นหรือสำเร็จการศึกษาทุกคนต้องผ่านการทดสอบ ยิ่งเรียนสูงข้อสอบก็ยิ่งมากและยากขึ้น แต่เมื่อข้อสอบถูกนำมาวางไว้ข้างหน้า ทุกคนต้องยอมรับและก้มหน้าก้มตาทำถ้าต้องการความสำเร็จ
เคราะห์กรรม ความทุกข์ยากลำบาก ความสูญเสีย เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อยากเจอ แต่ดังที่กล่าวไป เราไม่ใช่เจ้าของตัวเราเอง เราเป็นของพระเจ้าต่างหาก ดังนั้น พระเจ้าจะทำอย่างไรกับเราก็ได้เช่นเดียวกับที่เราจะทำอย่างไรก็ได้กับสิ่งที่เราเป็นเจ้าของ
ดังที่คัมภีร์กุรอานกล่าวไว้ เคราะห์กรรม ความทุกข์ยากลำบาก และความสูญเสีย เป็นเสมือนข้อสอบที่พระเจ้าวางไว้ให้เราทำ เอะอะโวยวายเมื่อเจอบททดสอบก็สติแตกและสร้างความรำคาญให้คนรอบข้าง ทางที่ดีคือการมีทัศนคติเชิงบวก นั่นคือ ต้องยอมรับเคราะห์กรรมด้วยความคิดว่าพระเจ้าต้องการเลื่อนชั้นเรา เมื่อคิดเช่นนี้ได้ สติก็มา ปัญญาก็เกิด
พระเจ้าไม่ทำอะไรโดยไม่มีวัตถุประสงค์ พระองค์ให้เคราะห์กรรมเกิดขึ้นก็เพื่อต้องการทดสอบว่ามนุษย์จะยังคงซื่อสัตย์สุจริตไหมในยามประสบความทุกข์ยากลำบาก มนุษย์ยังอดทนยอมรับพระประสงค์ของพระองค์ในยามประสบเคราะห์กรรมและวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อพระองค์หรือไม่ ถ้ารู้เท่าทันและทำตามพระประสงค์ของพระองค์ สิ่งที่ผู้ถูกทดสอบจะได้รับก็คือพรอันประเสริฐและความเมตตาจากพระองค์
คนที่ผ่านการทดสอบเหล่านี้เองคือผู้ที่อยู่บนหนทางที่จะกลับไปหาพระองค์ด้วยความสำเร็จในโลกหน้า
You must be logged in to post a comment Login