วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

การประเมินค่าต้นไม้ยักษ์ในเมืองและทรัพยากรป่าไม้

On September 15, 2020

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 18-25 ก.ย. 2563)

ต้นไม้มีมูลค่าทั้งต้นไม้ยักษ์ใจกลางเมืองและทรัพยากรป่าไม้ทั้งป่า โดยเฉพาะต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ในเมืองมีค่ามากกว่าที่คิด ป่าเขาจะประเมินค่าอย่างไร เป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องต้องทราบ

ในกรุงเทพมหานครมีต้นไม้ขนาดใหญ่นับพันต้น และที่ผ่านมาเคยมีการจัดประกวดต้นไม้ยักษ์ โดยกลุ่มโซเชียลมีเดีย “บิ๊กทรี” (BigTrees Project) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายแห่ง ปรากฏว่ามีต้นไม้ที่ชนะการประกวด เช่น ต้นไม้ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร (มีเส้นรอบวงตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป) รางวัลชนะเลิศ คือ “ต้นไทรย้อย” (ขนาดเส้นรอบวง 16.5 เมตร) ในโรงเรียนพระรามหกเทคโนโลยี ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 คือ “ต้นกร่าง” (ขนาดเส้นรอบวง 15.67 เมตร) ตั้งอยู่ในโรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ถนนเจริญกรุง ซอยเจริญกรุง 57 และรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ “ต้นไทร” (ขนาดเส้นรอบวง 13.77 เมตร) ขึ้นอยู่บนเชิงสะพานบางขุนเทียน ถนนจอมทอง

ประเภทที่ 2 ต้นไม้ที่สูงที่สุดในกรุงเทพมหานคร ชนะเลิศคือ “ต้นยางนา” (สูง 33.24 เมตร) อยู่ในพื้นที่ของโรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดน้อยใน) ในพระราชูปถัมภ์ฯ แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ “ต้นโพธิ์” (สูง 30.18 เมตร) สถานที่ตั้งอยู่ในสุดซอยมังกร 2 ถนนมังกร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ “ต้นสมพง” (สูง 30.03 เมตร) อยู่ในโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ ถนนวิทยุ

ประเภทที่ 3 ต้นไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดในกรุงเทพมหานคร โดยวัดจากโหวตในสังคมออนไลน์ ปรากฏว่า “ต้นประดู่” ในโรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ซอยเจริญกรุง 57 ถนนเจริญกรุง คว้ารางวัลชนะเลิศด้วยผลโหวต 828 คะแนน และ “ต้นมะฮอกกานี” ในถนนหลัก หมู่บ้านนวธานี ถนนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม ได้รับรางวัลรองชนะเลิศด้วยคะแนน 229 คะแนน และ “ต้นจามจุรี” ในบ้านเลขที่ 212 ซอยรามอินทรา 46 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ส่วน “ต้นไทร” บริเวณปากซอยวิภาวดี 29 ริมทางคู่ขนานวิภาวดีรังสิต คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2

สำหรับประเภทที่ 4 ต้นไม้ทรงคุณค่าที่สุดในกรุงเทพมหานครที่คัดเลือกโดยการโหวตเช่นกันคือ “ต้นไกร” ในธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย ถนนโยธา ได้รางวัลชนะเลิศ และ “ต้นโพธิ์” บริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ (รัชโยธิน) ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ขณะที่ “ต้นไทร” ในสวนวชิรเบญจทัศหรือสวนรถไฟ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2

ต้นไม้ในเมืองเหล่านี้ไม่ได้มีมูลค่าจากการขายเนื้อไม้หรือผลิตผลจากไม้ (เช่น ยางไม้) เพราะมูลค่าเหล่านี้มีไม่มากนัก เช่น ถ้าต้นยางนาสูง 33 เมตร เมื่อริดกิ่งแล้วสมมติเหลือลำต้นยาว 25 เมตร สมมติมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร จะได้ปริมาณเนื้อไม้

= (22/7 * r ยกกำลัง 2) * ความยาว

= (22/7 * 1.5 *1.5 * 25)

= 176.7857 ลบ.ม.

ถ้าราคาหน้าโรงงานสมมติเป็นเงินตันละ 2,400 บาท ราคาต้นยางนายักษ์ก็จะเป็นเงิน 424,286 บาท เมื่อหักค่าแรงทำไม้ประมาณ 30% ก็จะเป็นเงินสุทธิประมาณ 297,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ต้นยางนายักษ์ในเมืองมีมูลค่ามากกว่านั้น เพราะยังมีมูลค่าจาก

1.การให้เข้าชม ซึ่งเป็นรายได้ทางหนึ่ง

2.การเช่าใช้สถานที่ เช่น การถ่ายทำละคร

3.รายได้เกี่ยวเนื่อง เช่น การวิจัย การขายสินค้าและบริการในพื้นที่

4.การใช้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น การสร้างอาคารให้สอดรับกับต้นไม้นั้นๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าของอาคารให้สูงกว่าปกติ เป็นต้น

5.การมีส่วนเกื้อหนุน (Contribution) ต่อ (วิสาหกิจ) เจ้าของสถานที่ที่ครอบครอบต้นไม้นี้

สำหรับป่าผืนหนึ่งมีมูลค่าเท่าไร จะประเมินค่าเป็นตัวเงินได้อย่างไรบ้าง การประเมินนี้มีไว้เพื่อการวางแผนการจัดการป่าไม้เป็นสำคัญ ในประเทศไทยและในต่างประเทศมีการศึกษาเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าป่าไม้เพื่อการวางแผนการจัดการทรัพยากรป่าไม้ เช่น ทางองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือทางราชการของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา

อาจกล่าวได้ว่ามูลค่าของทรัพยากรป่าไม้มาจากมูลค่าของสิ่งที่สามารถซื้อ-ขายได้โดยตรง อันได้แก่

1.ต้นไม้ (เช่น การขุดล้อมต้นไม้) เนื้อไม้ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น เป็นวัสดุก่อสร้าง หรือใช้เพื่อการทำเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

2.ของป่าที่จะหาได้จากป่าไม้นั้นๆ

3.สัตว์ป่า

4.รายได้จากการท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับป่าไม้ รวมทั้งที่พัก ที่สันทนาการ ประชุมสัมมนาในพื้นที่เขตป่าหรือเขตอุทยานแห่งชาติ

นอกจากนี้ยังมีมูลค่าของทรัพย์สินในกรณีของการดำรงอยู่ของป่าไม้ เช่น ป่าไม้ช่วยป้องกันพายุ โดยวัดจากความเสียหายหากไม่มีป่าไม้ การป้องกันการพังทลายของดิน การดูดซับก๊าซพิษต่างๆ การเป็นแหล่งต้นน้ำของสายธารหรือแม่น้ำลำคลองต่างๆ ถ้าขาดป่าไม้ผืนนี้จะทำให้เกิดความเสียหายประการใดบ้าง ซึ่งสามารถตีค่าเป็นจำนวนเงินเพื่อการวัดมูลค่าของป่าไม้นั้นๆ

อย่างไรก็ตาม ในการวัดมูลค่าจริงๆบางครั้งอาจไม่มีข้อมูลราคาซื้อขายจริง ก็อาจสมมติเป็นราคาซื้อขายสินค้าที่เทียบเคียงกันได้ เช่น ถ้าไม่มีไม้อาจต้องใช้พลาสติกแทน หรือวัสดุก่อสร้างอื่น หรือถ้าไม่มีข้อมูลตลาดของการซื้อขายก็อาจใช้ต้นทุนการก่อร่างสร้างป่าลบด้วยมูลค่าที่พึงได้ หรืออาจพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณีของป่าแต่ละพื้นที่และป่าแต่ละประเภท ผู้ประเมินค่าต้นไม้ใหญ่หรือกระทั่งทรัพยากรป่าไม้จึงต้องสำรวจข้อมูลให้ชัดเจนจากแหล่งต่างๆให้ครอบคลุมให้มากที่สุด และอาศัยเครื่องมือทางการเงินมาทำการวิเคราะห์ต่อไป

ต้นไม้และป่าไม้มีมูลค่าอเนกอนันต์ สามารถตีค่าเป็นเงินได้เสมอ


You must be logged in to post a comment Login