วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ระวังสงครามแย่งน้ำ

On February 17, 2020

คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 17 ก.พ.63)

เมื่อเร็วๆนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ด่วนเกี่ยวกับปัญหาภัยแล้งเป็นภาวะฉุกเฉินอย่างรุนแรง และได้ขอร้องพวกที่ใช้น้ำทั้งหลายให้ร่วมไม้ร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจ ไม่ใช้กันแบบสุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักประหยัด

นายกฯประยุทธ์บอกว่า แม้รัฐบาลได้มีการเตรียมแหล่งเก็บกักน้ำ ระบบชลประทาน และกลไกการทำงานต่างๆ แต่เราก็ไม่สามารถบังคับให้ฝนที่มีน้อยอยู่แล้วตกในพื้นที่รองรับได้ตามต้องการ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำสำคัญขนาดใหญ่อยู่ในขั้นวิกฤต ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่ลดละความพยายาม โดยได้อนุมัติงบกลางและระดมสรรพกำลังเพื่อดำเนินมาตรการต่างๆ

สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรจึงจะมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่นอกเขตชลประทานได้บ้าง เพื่อแก้ปัญหาการปลูกพืชการเกษตรจากน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ขอให้ประชาชนไว้ใจและมั่นใจว่าการดำเนินงานของรัฐบาลยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง และขอความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องชาวไทยทุกคนช่วยกันประหยัดน้ำ

ขอให้ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า รวมทั้งร่วมกันรักษาฟื้นฟูป่าต้นน้ำเพื่อเพิ่มแหล่งต้นน้ำและอากาศบริสุทธิ์ให้กับประเทศชาติและลูกหลานของเรา ในส่วนของอาตมาขอสนับสนุนท่านนายกฯและรัฐบาลในการแก้ปัญหาวิกฤตภัยแล้งอย่างจริงจัง

ที่วัดสวนแก้วได้ทำโครงการธนาคารน้ำ ซึ่งพอจะประทังชีวิต ประทังต้นไม้ทางการเกษตรได้ เราเอาน้ำใส่ขวดพลาสติกที่เขาทิ้งๆขว้างๆได้ 1-2 แสนขวด ให้เด็กๆเอาหยอดไม้กระถาง ไม้ในถุงพลาสติก ไม้เพาะชำ ขวดหนึ่งหยอด 3 ต้น แล้วก็เก็บขวดไว้ ฝนมาเมื่อไรก็เอาน้ำใส่ขวดกันอีก บางคนสงสัยว่าวัดนี้ทำไมมีน้ำใส่ขวดวางเกลื่อนไปหมด นี่แหละการเตรียมตัวเตรียมใจ การคิดได้ก่อน ระวังก่อน ดีกว่าพวกคิดได้ทีหลัง

ที่เขาบอกว่า สายเกินแก้ แย่เกินไป กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ มันเป็นการอยู่ด้วยความชะล่าใจ ถ้าเรายังขืนแจกน้ำ ให้น้ำ เพื่อเป็นผลงานของรัฐบาล ประชาชนก็จะไม่ตื่นตัวป้องกันแก้ไข ที่จริงแล้วน่าจะปล่อยให้ธรรมชาติสอนซะบ้าง นายกฯสอนให้ใช้น้ำประหยัด แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือเราจะทำอย่างไร

จะปล่อยให้เขาเคยตัวหรือว่าจะให้บทเรียนอะไรบ้าง เพื่อที่เขาจะได้สำนึกในความเป็นคนไทยที่ต้องปรับปรุง ป้องกัน แก้ไข ให้ไหวทันต่อธรรมชาติที่จะโหมหนักมากขึ้นทุกวัน คงจะไม่ใช่ปีนี้ปีเดียว ปีหน้าปีโน้นจะขนาดไหน อย่างไร พอฟ้าฝนมาก็ปล่อยทิ้งกันอีก แค่เอาน้ำใส่ขวดก็ยังไม่มีใครจะคิด เป็นอ่างเป็นโอ่งยิ่งไม่มีใครคิดใหญ่

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปรับปรุง พยุงความอยู่รอดปลอดภัย ไม่ขัดสน ขาดน้ำจนตาย รัชกาลที่ 9 ตรัสไว้ดีเหลือเกิน “น้ำคือชีวิต” ขาดไฟยังอยู่ได้ แต่ขาดน้ำแย่แน่ เพราะเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ หูทวนลม ไม่ได้เอามาเป็นข้อคิด ข้อปฏิบัติ เราจึงเกิดวิบัติภัยแล้ง ซึ่งไม่แน่ต่อไปอาจจะมีคำว่า “สงครามแย่งน้ำ” เกิดขึ้นได้

ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้ายังห้ามไม่อยู่ พระและญาติเกือบจะฆ่ากันตาย แต่พระองค์มีวาทกรรมที่ถามว่า ระหว่างสายโลหิตกับสายน้ำเราจะเอาอันไหนไว้ก่อน ถ้าเอาสายน้ำ สายโลหิตก็สะบั้นหั่นแหลก ฆ่ากันเละเทะไป คนก็ได้คิดว่า ถ้าเราแย่งน้ำกันแล้วฆ่าสายโลหิต สายเลือดเดียวกัน เรียกว่ามีน้ำอยู่แต่ไม่เหลือญาติก็ไม่ไหวเหมือนกัน

ก็ต้องพยายามอยู่กันให้ได้ อยู่กันให้รอด ระหว่างคนที่รู้จักเก็บ ประหยัด ถนอมน้ำไว้ใช้ในโอกาสต่อไป อาตมาพูดจริงทำจริง เดี๋ยวนี้ปัสสาวะในส้วมครั้งแรกจะไม่กดน้ำ ครั้งที่ 2 บางทีก็ยังไม่กด ครั้งที่ 3 ถึงจะกด วันหนึ่งกดครั้งเดียว เราอยู่ในห้องของเราคนเดียวไม่มีใครเดือดร้อนอะไร อยากจะฝากว่าอย่าชะล่าใจกันเลย

เมืองไทยเคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ตอนนี้ทั้งข้าวทั้งปลาไม่มีเหลือกินเหลือใช้เหมือนแต่ก่อนแล้ว ในน้ำขาดปลา เพราะน้ำน้อย กุ้งหอยปูปลาก็ตาย ขอให้ตื่นตัว ตื่นตา ก้าวหน้าพัฒนากันหน่อย เอาเงินมาพัฒนาสาธารณูปโภคเยอะแยะ สร้างกันเหลือเกินถนนหนทาง เอางบประมาณไปพัฒนาโน่นพัฒนานั่น เรียกว่าสร้างในสิ่งที่ไม่ควรสร้าง ไม่สร้างในสิ่งที่ควรสร้าง เอางบประมาณไปละเลงสร้างกันใหญ่ แต่ไม่มีงบประมาณจะพัฒนาแหล่งน้ำ

ต่อไปนี้คงจะได้บทเรียนกันแล้ว ธรรมชาติสอนแล้ว รัชกาลที่ 9 สอน พระสอนไม่ค่อยฟัง ตอนนี้ธรรมชาติสอน ถ้าไม่ฟังธรรมชาติจะตบหน้าให้น้ำตานองหน้ากันบ้างล่ะ ขอให้ได้บทเรียนจากธรรมชาติ เชื่อฟังธรรมชาติบ้าง ถ้าไม่เชื่อฟังพระเจ้า พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ ไม่เชื่อฟังนายกฯที่ท่านขอร้องตักเตือนก็เอาล่ะ แต่ให้เชื่อธรรมชาติสักหน่อยเถอะ

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login