วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

แบกรับเคราะห์กรรมด้วยปัญญาและศรัทธา

On February 7, 2020

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  7-14 กุมภาพันธ์ 2563)

ไม่มีใครในโลกนี้เกิดมามีแต่ความสุขโดยไม่มีทุกข์และไม่มีใครในโลกนี้เกิดมามีแต่ทุกข์โดยไม่มีความสุขเลย ทุกข์กับสุขคลุกเคล้ากันอยู่ในชีวิตของทุกคน นี่คือความจริงที่ศาสนาต้องการบอกมนุษย์ ขณะเดียวกัน ศาสนาจะบอกว่าเมื่อมีสุข มนุษย์ควรจะใช้ชีวิตอย่างไรไม่ให้เกิดทุกข์ตามมา และเมื่อมีความทุกข์ มนุษย์ควรจะบริหารชีวิตบนกองทุกข์อย่างไรให้เกิดความสุขตามอัตภาพ

ถ้าถามว่าทำไมต้องมีทุกข์ มีโรคภัยไข้เจ็บ มีภัยพิบัติสารพัด ศาสนาจะให้คำตอบว่าเคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นล้วนเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าโดยมีวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่น เพื่อเป็นสัญญาณเตือนมนุษย์ให้รู้ว่ามนุษย์เป็นผู้อ่อนแอและมิได้เป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง มนุษย์ทุกคนไม่อาจหนีไม่พ้นกฎของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ดังนั้น จงอย่าอหังการ

อุบัติเหตุจากรถยนต์ที่ใช้เกียร์ออโตเมติกรุ่นแรกๆ ทำให้มีการพัฒนาระบบเกียร์ที่ปลอดภัยในรถยนต์รุ่นต่อมา

โรคภัยไข้เจ็บหรือโรคระบาดต่างๆที่คร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนหนึ่งทำให้มีการคิดค้นวัคซีนและยารักษาโรคใหม่ๆที่ช่วยมนุษย์มากมายให้หายป่วย

การป่วยหนักจนต้องนอนพักในโรงพยาบาลแรมเดือนเป็นโอกาสทำให้บางคนมีเวลาคิดทบทวนชีวิตที่ผ่านมาและมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นหลังออกจากโรงพยาบาล

เคราะห์กรรมเหล่านี้ในคัมภีร์กุรอานเรียกว่าการทดสอบของพระเจ้าเพื่อดูว่ามนุษย์จะอดทน ศรัทธาและวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าหรือขอจากใคร และพระองค์ได้บอกมนุษย์ว่าเมื่อไม่สามารถยับยั้งเคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นภายนอกได้ มนุษย์ต้องรู้จักทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่โทษนั่นโทษนี่ จิตใจจะสงบ มีสติและทำให้คนข้างเคียงสงบด้วย

อิสลามสอนว่าเมื่อประสบเคราะห์กรรมใดๆ มุสลิมต้องยอมรับและเตือนตัวเองว่า “แท้จริง ตัวเราเป็นของพระเจ้าและเราจะกลับไปหาพระองค์” และอดทนต่อสิ่งที่ประสบพร้อมกับขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้า

ayyub

คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าเคราะห์กรรมที่พระเจ้าให้เกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆนั้นไม่เกินกว่าที่มนุษย์จะแบกรับได้ ดังนั้น พระองค์จึงให้นบีบางคนประสบเคราะห์กรรมที่สาหัสเพื่อแสดงให้เห็นว่านบีสามารถทนรับได้ และพระองค์เป็นผู้ทรงทำให้นบีผู้นั้นผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายด้วยความศรัทธาในพระเจ้า

ในคัมภีร์ไบเบิลมีเรื่องราวของโยบ(ในกุรอานเรียกอัยยูบ)ซึ่งเป็นผู้มั่งคั่งร่ำรวย มีเรือกสวนไร่นา ปศุสัตว์ บริวารและบุตรหลานมากมาย และเขาเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้าอย่างมั่นคง

ด้วยความศรัทธามั่นนี้เองที่ทำให้พระเจ้ายกย่องโยบ ซาตานจึงอิจฉาและกล่าวว่าถ้าโยบไม่ร่ำรวย เขาคงไม่ศรัทธาในพระองค์ ดังนั้น พระเจ้าจึงทำให้เรือกสวนไร่นา ปศุสัตว์และทรัพย์สินของโยบได้รับความเสียหาย  แต่ถึงกระนั้น โยบยังคงไม่คลายความศรัทธาในพระเจ้า

ซาตานจึงกล่าวต่อพระเจ้าว่าถ้าโยบไม่มีลูกหลานและบริวารมากมาย เขาจะไม่ศรัทธาในพระองค์ พระเจ้าจึงทำให้บ้านของโยบพังลงจนลูกหลานและบริวารหนีไปอยู่ที่อื่น เหลือแต่ภรรยาเท่านั้นที่อยู่กับเขา  แต่ถึงกระนั้น โยบยังศรัทธามั่นและนมัสการพระเจ้าเหมือนเดิม พระเจ้าจึงยกย่องเขายิ่งขึ้น

เมื่อได้ยินพระเจ้ายกย่องโยบ ซาตานได้กล่าวแก่พระเจ้าว่าโยบศรัทธาในพระองค์เพราะเขามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง  ดังนั้น พระเจ้าจึงทำให้โยบป่วยเป็นโรคผิวหนังที่ไม่มียารักษา  อย่างไรก็ตาม โยบยังศรัทธามั่นในพระเจ้าและวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าด้วยความหวังในความเมตตาของพระองค์  โยบเจ็บปวดทรมานจากโรคร้ายเป็นเวลานาน แต่เขายังวิงวอนขอความเมตตาต่อพระเจ้าจนภรรยาของเขาตัดพ้อว่า “ทรมานมานานขนาดนี้แล้วยังไม่สิ้นหวังในความเมตตาของพระเจ้าอีกหรือ”

คำพูดของภรรยาทำให้เขาโกรธจนถึงกับสาบานว่าถ้าเขาหายจากโรคเมื่อใด เขาจะเฆี่ยนภรรยาของเขาทันที

ด้วยความเชื่อมั่นศรัทธาในพระเจ้า ความอดทนต่อเคราะห์กรรมและการวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้า พระองค์ได้บอกวิธีการรักษาให้แก่เขาโดยการใช้เท้ากระทืบน้ำในลำธารและเอาน้ำนั้นมาชำระล้างร่างกาย โรคผิวหนังของเขาจะหายและเขาจะได้รับการตอบแทนด้วยการกลับมาของลูกหลานที่มีจำนวนมากขึ้น

โยบทำตามคำแนะนำของพระเจ้า เขาหายจากโรคและหลังจากนั้น ลูกๆของเขาได้กลับมาพร้อมกับหลานอีกหลายคน


You must be logged in to post a comment Login