วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ไทยเซ็นทรัลเคมีเปิดโรงงานโชว์กระบวนการผลิตทันสมัยได้มาตรฐาน เตรียมดันปุ๋ยผลไม้สู้ตลาดปี 63

On December 6, 2019

ที่ห้องประชุมโรงงานนครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา นายโยชิฮิโระ ทามูระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตปุ๋ยเคมีตราหัววัวคันไถ กล่าวในพิธีเปิดโครงการอบรมเกษตรกรเรื่องปุ๋ยเคมีและธาตุอาหารข้าวว่า ในปี 2562 บริษัทมียอดรายได้ลดลง 40% เมื่อเทียบกับรายได้ในปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากภาวะภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยปริมาณการใช้ปุ๋ยของเกษตรกรในปีหน้าจะยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2562 สำหรับแผนในปีหน้านั้นบริษัทจะปรับเพิ่มสายการผลิตจากที่เคยผลิตปุ๋ยสำหรับข้าว โดยจะเพิ่มการผลิตปุ๋ยสำหรับผลไม้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นว่าผลไม้ราคาไม่ต่ำลงมากเหมือนกับข้าว ปัจจุบันได้มีการนำร่องผลิตปุ๋ยสำหรับใส่ผลไม้ เช่น ทุเรียน มะม่วง ลำไย ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีกลับมา ปีหน้าจึงจะเดินสายการผลิตด้านนี้มากขึ้น

2

ด้านนายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย ซึ่งได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมเกษตรกรครั้งนี้ กล่าวว่า เศรษฐกิจภาคการเกษตรของไทยในปี 2563 ยังคงจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายด้าน ทั้งราคา ปริมาณการเพาะปลูก รวมถึงศักยภาพด้านการเกษตร ในส่วนของปัจจัยด้านราคาในพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ข้าว อ้อย ยางพารา ฯลฯ ยังคงอยู่ในระดับต่ำและคาดว่าจะไม่ฟื้นตัวมากนัก ในขณะเดียวกันด้านปริมาณการเพาะปลูกจะได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งที่จะยังเป็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นปี 2563 พื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังคาดว่าจะลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำในระบบชลประทานมีไม่เพียงพอ ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวโยงไปถึงปัจจัยของตัวเกษตรกรเองที่มีปัญหาด้านหนี้สินและลดต้นทุนด้านปัจจัยการผลิต ทำให้อาจส่งผลกระทบต่อผลิตภาพโดยรวมของการเกษตรได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาคการเกษตรไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในระดับมหภาคและในระดับโลกมากนักในปีหน้าหากเทียบกับภาคการผลิตและภาคการบริการ เนื่องจากสินค้าเกษตรเป็นสินค้าที่มีความสำคัญในการรักษาความมั่นคงด้านอาหารของทุกๆประเทศ อีกทั้งคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เช่น การประกันรายได้ การพักหนี้เกษตรกร มาใช้อย่างต่อเนื่องในปี 2563

ทีมผู้บริหาร บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี

ปริมาณความต้องการปุ๋ยเคมีของไทยในปี 2563 จะขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านราคาสินค้าเกษตรและจำนวนพื้นที่เพาะปลูกเป็นหลัก แม้ว่าราคาวัตถุดิบและค่าเงินบาทจะมีแนวโน้มผันผวนส่งผลให้ราคาปุ๋ยเคมีในประเทศมีความผันผวนตามไปด้วย แต่ราคาไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อปุ๋ยเคมีของเกษตรกร ทำให้ไม่กระทบต่อปริมาณความต้องการใช้ปุ๋ยเคมีมากนัก ดังนั้น จากสถานการณ์ด้านการเกษตรตามที่กล่าวมาข้างต้นจึงคาดการณ์ว่าปริมาณการใช้ปุ๋ยในปีหน้าจะยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับในปี 2562

ปุ๋ยสำหรับผลไม้ ที่เตรียมผลักดันในปี 63

นายสมรักษ์ ลิขิตเจริญพันธ์ เจ้าหน้าที่บริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านการผลิต/ผู้จัดการโรงงาน กล่าวถึงการผลิตปุ๋ยเคมีและการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีตราหัววัวคันไถว่า ปัจจุบันบริษัทสามารถผลิตปุ๋ยเคมีชนิดเม็ดภายใต้เครื่องหมายการค้าตราหัววัวคันไถ, ตราทีซีซีซี, ตราสิงห์ และตราเด็กน้อย ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานทัดเทียมกับปุ๋ยที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยบรรจุกระสอบละ 50 กก. ประกอบด้วยธาตุอาหารหลักคือ ไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม และธาตุอาหารรอง เช่น แมกนีเซียม, กำมะถัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีธาตุอาหารเสริม เช่น โบรอน อีกด้วย ซึ่งจะทำให้พืชเจริญงอกงาม มีผลผลิตดี ได้ปริมาณและคุณภาพสูง นอกจากนี้ปุ๋ยตราหัววัวคันไถที่บริษัทได้ผลิตขึ้นมานั้นก็มีคุณภาพตามที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยังเป็นที่แพร่หลายในพื้นที่เกษตรกรรมทั่วประเทศ อีกทั้งในปัจจุบันบริษัทมีโรงงานขนาดใหญ่ที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน 2 แห่ง รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้นปีละ 1.2 ล้านเมตริกตัน แบ่งเป็น 1.โรงงานพระประแดง จ.สมุทรปราการ มีกำลังการผลิต 850,000 เมตริกตัน มีคลังเก็บสินค้าได้ 100,000 เมตริกตัน ขนาดท่าเรือยาว 310 เมตร หน้าท่าลึก 8.4 เมตร กำลังการขนถ่ายวัตถุดิบต่อวัน 6,000 เมตริกตัน และ 2.โรงงานนครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิต 350,000 เมตริกตัน มีคลังเก็บสินค้าได้ 90,000 เมตริกตัน ขนาดท่าเรือยาว 189 เมตร หน้าท่าลึก 5 เมตร กำลังการขนถ่ายวัตถุดิบต่อวัน 4,000 เมตริกตัน

สำหรับบริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตปุ๋ยเคมีตราหัววัวคันไถ ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตปุ๋ยเคมีที่ใหญ่ติดอันดับ 1 หรือ 2 ของประเทศ มีการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานตามหลักสากล ในปุ๋ยแต่ละเม็ดจะมีค่าธาตุอาหารตามที่ระบุไว้ในแต่ละสูตร ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดด้วยห้องแล็บที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน มีการอบรมให้ความรู้เกษตรกรในเรื่องการใช้ปุ๋ยเคมีอย่างถูกสูตร ถูกที่ ถูกวิธี และถูกเวลา นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหลายแห่งเพื่อทำการวิจัยและพัฒนาหาแนวทาง ในการทำการเกษตรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.0-2639-8888 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


You must be logged in to post a comment Login