- สนใจปฏิทินปีใหม่พระพยอม ติดต่อได้ที่วัดสวนแก้วPosted 5 days ago
- ยุคนิวนอร์มอล ฝากเราไปถวายสังฆทานแทนท่านได้!Posted 2 months ago
- “สื่อ สังคม การเมือง ศาสนา เศรษฐกิจไทย จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วแน่นอน” โดย พระพยอม กัลยาโณPosted 2 months ago
- “เมื่อคนหนุ่มสาวเปลี่ยนประเทศ! เมื่อฤดูใบไม้ผลิก่อตัวที่กรุงเทพฯ!” โดย สุรชาติ บำรุงสุขPosted 2 months ago
- “เมื่อคนรุ่นใหม่ลุกขึ้น ยอมแม้สิ้นอิสรภาพ เพื่อแลกกับเสรีภาพ” โดย วิญญัติ ชาติมนตรีPosted 2 months ago
- “การเสื่อมทรุดครั้งใหญ่” โดย ดร.โสภณ พรโชคชัยPosted 2 months ago
- “การเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายถึงจุดสิ้นสุด” โดย พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์Posted 2 months ago
- “ความเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถเรียกเสียงฮา จนสมควรต้องลาออก” โดย สมบัติ บุญงามอนงค์Posted 2 months ago
- “ทางออกจากวิกฤตการณ์ เศรษฐกิจและการเมืองในระยะเปลี่ยนผ่าน” โดย ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจPosted 2 months ago
- นายกฯแถลงถอยคนละก้าวใช้ระบบรัฐสภาแก้ปัญหาจ่อยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงPosted 3 months ago
ไม่ควรเป็น “ข่าวใหญ่” แต่ควรเห็นใจคนป่วย!

คอลัมน์ : เรื่องจากปก
ผู้เขียน : ทีมข่าวการเมือง
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 25 ตุลาคม -1 พฤศจิกายน 2562)
ข่าว “ตี๋แว่น” เด็กหนุ่มนักเรียนนอก ที่มีอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันบนท้องถนนแถวพุทธมณฑล จ.นครปฐม แล้วพี่แกดันโวยวายพูดจาอวดร่ำอวดรวย ก่นว่าด่าทอทั้งคู่กรณีและผู้ที่สัญจรผ่านไปมาบนท้องถนน แม้ว่าน้องผู้หญิงที่นั่งรถไปด้วยจะขอโทษขอโพยแทนพี่เขาแล้วก็มิอาจทัดทานกระแสเชี่ยวกรากของพลังคนดีบนโซเชียลได้ เมื่อคลิปไวรัลแพร่กระจายไปทั่วบ้านทั่วเมือง พร้อมทั้งขุดข่าวเก่าๆแฉพฤติกรรมในอดีตว่า ตี๋แว่นคนเดียวกันนี้เคยสร้างวีรเวรด่าแบบนี้มาแล้ว สารพัดข้อความคำด่า คำสาปแช่งที่แรงยิ่งกว่า ก็ทำหน้าที่ของมันบนทุกแพลตฟอร์มบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค
ข่าวไม่จบแค่คลิปที่เห็น นอกจากคำพิพากษาจากโซเชียล (ตุลาการยุค 5G 4.0) ที่ด่ากลับ ด่าแรง ด่าแม่ม..ทั้งตระกูลได้โดยไม่ต้องรู้จัก ก็ถาโถม ด่าหนัก ตัดสินความผิด โทษฐานที่น้องตี๋มาดูถูกคนไทย ดูหมิ่นคนใช้รถใช้ถนนว่าจน ว่าไร้การศึกษา
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว “ตี๋แว่น” ไปโรงพัก ก็พบว่ามีผู้คนมากมายไปรุมล้อมโรงพักเพื่อดูตัวเป็นๆ ถ้าย้อนไปยุคล่าแม่มด พี่ตี๋แว่นคงถูกบูชายัญตรงนั้นเป็นแน่
ร้อนถึงผู้เป็นพ่อของน้องตี๋หัวร้อนเจ้าของวลี “ผมมีทุกอย่างที่คุณไม่มี” ต้องนำหลักฐานการรักษาตัวว่าลูกชายมีอาการป่วย เคยเป็นโรคซึมเศร้า มาแสดงต่อสาธารณะ และเกิดจากความเครียดจากการที่เป็นคนที่เคยเรียนอยู่เมืองนอกมานาน คุ้นเคยกับการรักษากฎจราจร และคงเสียดายรถยนต์ป้ายแดงที่เพิ่งซื้อมาจากน้ำพักน้ำแรงต้องเสียหาย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตี๋แว่นนักเรียนนอกหัวร้อนถูกบริษัทที่ทำงานอยู่ไล่ออกในทันที แม้การโพสต์สำนึกผิดและขอโทษสังคมจะตามมา แต่ก็เลยเวลาของการโหนกระแสจากศิลปินดาราบางคนและนักการเมืองขาประจำที่ออกมาเล่นบทคนดี (กว่า) ไล่ขยี้ซ้ำเป็นที่เรียบร้อย
คำพังเพยที่ว่า “อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา” ใช้ไม่ได้ และไม่ได้นำมาใช้กับ “ตี๋แว่น” หนุ่มหัวร้อน เพราะอะไร?
สมมุตินะ สมมุติ .. สมมุติว่าพี่ตี๋แว่นแกไม่โวย (ไม่บ้า) แล้วพูดจานุ่มๆ สุภาพๆ แล้วคุยเฉพาะเรื่อง “วินัยการใช้รถใช้ถนนของคนไทย” .. ไม่แน่ใจว่าสังคมไทย (โซเชียลด้วย) จะได้ตระหนักอะไร วินัยการจราจร การใช้รถใช้ถนนของคนไทยนั้น ย่ำแย่จริงหรือไม่?
สมมุตินะ สมมุติ .. สมมุติว่าถ้าคนพูดใหญ่โตมีอำนาจ โวยวายเสียงดัง เดี๋ยวจะทุ่มโพเดียม แถมเขวี้ยงเปลือกกล้วยใส่คนฟัง ถามว่าคนไทยจะยิ้มหัวเราะเพราะเห็นเป็นเรื่องน่ารักขบขันหรือจะด่ากลับ?
บางเรื่องไม่ควรเป็นข่าวใหญ่ก็ดันเป็นข่าวใหญ่ บางเรื่องควรเป็นข่าวใหญ่ต่อเนื่องก็จบกันง่ายๆซะงั้น!
กรณี “ตี๋แว่นหนุ่มหัวร้อน” ไม่ควรที่จะเป็นข่าวใหญ่ แต่ควรได้รับความเห็นใจ โดยเฉพาะอาการป่วย ไม่ปกติหรือไม่ เขาสมควรได้รับการสนับสนุนให้ไปรักษาตัวมากกว่าจะถูกด่าซ้ำด่าซากหรือไม่?
คนป่วยธรรมดาๆแค่คนเดียวแท้ๆ ยังพาสังคมไทยป่วยไปด้วยได้ขนาดนี้.. ประเทศไทยของเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
#ประเทศไทยง่ายดี (จริงๆ) !!??
You must be logged in to post a comment Login