วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

จุดเปลี่ยนมาไว

On June 13, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 13 มิ.ย.62)

“ชวน หลีกภัย” ลบภาพลักษณ์เจ้าของฉายา “ชวน เชื่องช้า” ลงอย่างสิ้นเชิงหลังลงนามในหนังสือส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาคุณสมบัติ ส.ส. 41 คนจาก 6 พรรคการเมือง จากกรณีถือหุ้นสื่อ หลังจากก่อนหน้านี้มีคนไปร้อง กกต. มีความคืบหน้าแค่กรณีหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เพียงรายเดียว น่าสนใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างไร แม้ยังไม่เคยชี้ขาดเรื่องนี้ไว้เป็นบรรทัดฐานมาก่อน แต่ก็มีคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งให้รอเปรียบเทียบอยู่ ในช่วงที่การเมือง 2 ขั้ว เสียงห่างกันไม่มาก รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ หากมี ส.ส. ถูกสอยตกเก้าอี้เพราะขาดคุณสมบัติ มีหวังได้เลือกตั้งใหม่เร็วกว่าที่คิดแน่

ถึงนาทีนี้เชื่อว่าเรื่องการแบ่งโควตารัฐมนตรีระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลน่าจะได้ข้อยุติแล้ว

หากเป็นไปตามกระแสข่าวที่ว่าที่คลื่นลมสงบเพราะ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ยึดตามข้อตกลงเดิมที่คุยกันไว้ตั้งแต่ก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

เท่ากับว่าปัญหาแย่งโควตากระทรวงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอันจบ แต่ที่จบแบบเจ็บๆคือคนในพรรคพลังประชารัฐเอง โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรที่ดูเหมือนว่าต้องทนกลืนเลือดที่ไม่ได้ตำแหน่งที่ประกาศจองเอาไว้ตั้งแต่ยังไม่เลือกตั้ง

เรื่องนี้น่าจะเป็นปมในใจของกลุ่มสามมิตร และจะแสดงผลออกมาในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม

ขณะที่ “ลุงตู่” ใช้อำนาจตบเรื่องคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ให้เข้ารูปเข้ารอย ก็มีเรื่องใหญ่ทะลุกลางปล้องให้ผู้คนหันมาสนใจติดตาม

เรื่องที่ว่าคือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงนามในหนังสือเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. 41 คนจาก 6 พรรคการเมือง กรณีถือครองหุ้นสื่อมวลชนตามคำร้องของพรรคอนาคตใหม่แล้ว

ถือว่าลบภาพลักษณ์เก่าๆที่ใครเรียกกันติดปากว่า “ชวนเชื่องช้า” ลงอย่างสิ้นเชิง

หากจำกันได้กรณี ส.ส. ถือหุ้นสื่อมีผู้ไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบเพื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้จำนวนมาก แต่จนถึงตอนนี้ กกต. มีมติและส่งเรื่องให้ศาลวินิจฉัยกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพียงแค่รายเดียว

แต่เมื่อพรรคอนาคตใหม่ใช้ช่องทางสภา เรื่องกลับถูกส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญภายในไม่กี่วัน โดยประธานสภาแยกส่งเรื่องถึงศาลเป็น 2 ชุด ชุดแรกส่งเรื่องไปศาลแล้ว 30 คน ชุดที่สองที่จะตามไปมีอีก 11 คน

เมื่อเป็นอย่างนี้หากมีการตรวจพบเพิ่มเติมก็น่าจะมีคนใช้ช่องทางสภาส่งคำร้องเข้ามาอีกแน่

น่าสนใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างไร แม้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่เคยชี้ขาดเรื่องนี้ไว้เป็นบรรทัดฐานมาก่อน แต่ก็มีคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งให้รอเปรียบเทียบอยู่

ในช่วงที่การเมือง 2 ขั้ว เสียงห่างกันไม่มาก รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ หากมี ส.ส. ถูกสอยตกเก้าอี้เพราะขาดคุณสมบัติ มีหวังได้เลือกตั้งใหม่เร็วกว่าที่คิดแน่


You must be logged in to post a comment Login