วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

สวนลิ้นจี่ประเมินค่าอย่างไร?

On May 1, 2019

คอลัมน์ โลกอสังหาฯ
สวนลิ้นจี่ประเมินค่าอย่างไร?
โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 3-10 พฤษภาคม 2562)

“ลิ้นจี่” เป็นชื่อของผลไม้ประเภทผลเดี่ยวซึ่งมีลักษณะเปลือกสีแดงชนิดหนึ่งที่อยู่ในวงศ์ SAPINDACEAE (ซึ่งก็คือวงศ์เดียวกับเงาะและลำไยนั่นเอง) ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อย ให้ผลผลิตคุ้มค่ากับการลงทุน จึงถือว่าเป็นผลไม้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยที่สามารถนำผลผลิตที่ได้มาจำหน่ายในรูปของผลไม้สดและผลไม้แปรรูป ปัจจุบันนี้ลิ้นจี่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีความหลากหลายขึ้นเรื่อยๆจากสายพันธุ์ดั้งเดิมที่มีอยู่แล้ว (https://tinyurl.com/yy9w28hc)

อาจกล่าวได้ว่าลิ้นจี่เป็นไม้ผลกึ่งเมืองร้อนอีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกเป็นเวลาช้านาน เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน ที่ผ่านมามีการปลูกลิ้นจี่กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากผลผลิตจำหน่ายได้ราคาดี ดูแลรักษาโรคแมลงรบกวนน้อย ลิ้นจี่เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างประเทศ แหล่งผลิตลิ้นจี่ที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา สมุทรสงคราม (https://tinyurl.com/y2lzqaqa) ลิ้นจี่สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้สิ้นปีที่ 3
สวนลิ้นจี่
อย่างไรก็ตาม ต้นลิ้นจี่ก็สามารถอยู่ได้นาน เคยมีข่าวว่า “ลิ้นจี่ค่อม อัมพวา อายุร่วม 200 ปี” (https://tinyurl.com/yxrqexwe) ซึ่งกรณีนี้คงเป็นเพียงบางต้นที่ยังหลงเหลืออยู่เท่านั้น ไม่ใช่ปล่อยทิ้งไว้ทั้งสวน แต่กรณีการอยู่นาน อายุมาก อาจทำให้ผลผลิตไม่คุ้มทุน จึงมีการโค่นต้นลิ้นจี่หลังการเก็บเกี่ยวตามระยะเวลา ที่ยังหลงเหลือบางต้นอาจกลายเป็น “วัตถุโบราณ” กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไป

สำหรับการเตรียมพื้นที่ปลูกลิ้นจี่ ลิ้นจี่ใช้ระยะปลูกระหว่าง 8×8 เมตร ถึง 10×10 เมตร ในพื้นที่ยกร่อง ขนาดของร่องจะบังคับระยะไว้ 8 เมตร ส่วนในพื้นที่ดอนระยะปลูกขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน ถ้าดินไม่ดีให้ปลูกถี่ ถ้าดินดีให้ปลูกห่าง ในพื้นที่ลุ่มควรขุดหลุมในแนวตรงบนแปลงขนาดกว้างxยาวxลึก ประมาณด้านละ 50-80 เซนติเมตร โรยปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 0.5 กิโลกรัมต่อหลุม หรือประมาณ 2-3 กำมือ คลุกให้เข้ากันแล้วกลบลงหลุม โดยให้ดินบริเวณปากหลุมสูงกว่าดินเดิมประมาณ 15 เซนติเมตร ส่วนพื้นที่ดอนขุดหลุมในแนวตรง กว้างxยาวxลึกประมาณ 50-80 เซนติเมตร และเตรียมหลุมเช่นเดียวกันกับการเตรียมหลุมในที่ลุ่ม (https://tinyurl.com/yxgb4aua)

ในด้านตลาดลิ้นจี่ ล่าสุด สศก. (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) พยากรณ์ผลผลิตภาคเหนือ ปริมาณลำไย-ลิ้นจี่เพิ่มจากปี 61 (https://tinyurl.com/y26oxekf) โดยระบุว่า ลิ้นจี่เนื้อที่ให้ผลทั้ง 8 จังหวัด (ภาคเหนือ) รวม 95,381 ไร่ ลดลงจากปี 2561 ร้อยละ 1.10 ผลผลิตรวม 41,473 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.61 ส่วนผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล 435 กิโลกรัม/ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.87 โดยสถานการณ์ผลผลิตลิ้นจี่ขณะนี้ออกดอกแล้วบางส่วน ทั้งนี้ ผลผลิตลิ้นจี่คาดว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะสภาพอากาศเหมาะสม ประกอบกับเกษตรกรดูแลดีและหันมาทำลิ้นจี่คุณภาพมาก โดยผลผลิตจะออกมากช่วงเดือนพฤษภาคมประมาณร้อยละ 60 และต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2562

สำหรับในพื้นที่ศึกษาจังหวัดสมุทรสงคราม มีข่าวเมื่อปลายปี 2561 ว่า ลิ้นจี่แม่กลอง สินค้า GI ขึ้นชื่อของสมุทรสงคราม กับเหตุการณ์ล้มแล้วลุกจนเกือบสิ้นชื่อ (https://tinyurl.com/y33pp34z) โดยมีความว่า ในอดีตพื้นที่ของ จ.สมุทรสงคราม ทั้ง อ.บางคนที และ อ.อัมพวา มีพื้นที่เพาะปลูกลิ้นจี่เกือบประมาณ 20,000 ไร่ จนกระทั่งปัจจุบันเหลือเพียงประมาณ 5,700 ไร่ กว่า 4 ปีแล้วที่ผลผลิตลิ้นจี่ จ.สมุทรสงครามไม่เคยออกสู่ตลาดเลย จนกระทั่งปีที่แล้ว (2560) ผลผลิตลิ้นจี่สมุทรสงครามออกสู่ตลาดกว่า 4,000 ตัน

จากการศึกษาในจังหวัดสมุทรสงคราม ราคาสวนลิ้นจี่เมื่อเริ่มปลูก โดยซื้อพันธุ์ไม้ ปรับปรุงสภาพดิน ฯลฯ จะทำให้มูลค่าสวนลิ้นจี่เมื่อแรกปลูกสูงกว่าที่ดินเปล่า โดยมีมูลค่า 233% หรือ 2.3 เท่าของที่นา-ที่ดินเปล่า และสูงสุดเมื่อเริ่มเก็บผลได้ ณ สิ้นปีที่ 3 มูลค่าสวนเพิ่มเป็น 330% หลังจากนั้นราคาสวนลิ้นจี่ก็จะค่อยๆลดลงเหลือเท่ากับ 100% ของราคาที่นา หรือเท่ากับต้นลิ้นจี่อายุ 30 ปีก็จะหมดมูลค่า เพราะต้นลิ้นจี่แก่อาจให้ผลผลิตที่ไม่คุ้มค่า
อสังหา
กรณีสวนลิ้นจี่หลังหมดอายุขัยทางเศรษฐกิจแล้ว ต้นลิ้นจี่ก็คงไม่มีมูลค่าอย่างมีนัยใดๆ ราคาก็จะพอๆกับที่ดินเปล่านั่นเอง กรณีนี้ต่างจากไม้ยางที่สามารถนำต้นยางไปทำเฟอร์นิเจอร์ (https://bit.ly/2W2E2hL) จึงทำให้สวนไม้ยางที่หมดอายุขัยในการกรีดแล้วยังมีมูลค่าสวนสูงกว่าที่ดินเปล่าเป็นอย่างมาก

จะประเมินค่าสวนลิ้นจี่อย่างไร เราต้องศึกษาตลาดให้ดีและเห็นวัฏจักรราคาตามอายุขัย


You must be logged in to post a comment Login