วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

ที่ไหน ที่ชีวิตจะสุขสบายอย่างแท้จริง?

On May 12, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่   12  พ.ค. 66 )

มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องทำงาน แต่มีกินมีใช้ สุขภาพร่างกายแข็งแรงและไม่เจ็บไข้ได้ป่วย  แต่ใครเล่าที่จะมีสิ่งดังกล่าวครบถ้วน  แม้ข้าราชการเกษียณกินบำนาญ ไม่ต้องทำงาน แต่ก็ยังป่วย หมดเรี่ยวแรง เงินที่สะสมมาตลอดชีวิตไม่อาจซื้อความสุขได้ตามที่ปรารถนา

สำหรับมนุษย์แล้ว  ช่วงชีวิตที่แสนสบายที่สุดคือช่วงเวลาที่อยู่ในโลกแห่งครรภ์มารดา เพราะขณะอยู่ในครรภ์  มนุษย์ไม่ต้องทำอะไรเลย  ภาพถ่ายจากเครื่องอุลตราซาวด์ทำให้เรารู้ว่าในตอนเป็นทารก   เรานอนสบายอยู่ในครรภ์แม่โดยมีสายสะดือลำเลียงอาหารจากแม่มาให้เรา

ช่วงเวลาที่อยู่ในครรภ์  แม่จะสรรหาอาหารที่ดีที่สุดมากินเพื่อให้ลูกในครรภ์ได้กินสิ่งที่ดีที่สุด  แต่แม่ไม่สามารถกลั่นสารอาหารที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับทารกได้เอง  แม่ทำได้แค่เพียงเคี้ยวอาหารแล้วกลืนลงไปในกระเพาะ  พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตต่างหากที่กลั่นสารอาหารให้ทารกในครรภ์ ขณะเดียวกันก็เตรียมน้ำนมไว้เป็นอาหารทิพย์สำหรับทารกที่จะคลอดออกมา  เพราะทุกวันนี้  ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์โภชนาการยังไม่สามารถผลิตน้ำนมที่มีคุณสมบัติเหมือนนมแม่ได้

แต่ครรภ์แม่เป็นโลกที่มีอายุเฉลี่ยเพียงเก้าเดือน  เมื่อครบกำหนด ทารกต้องคลอดออกมาสู่โลกนี้  แม้สายสะดือที่ลำเลียงอาหารจากท้องแม่สู่ทารกจะถูกตัดขาด  แต่ทารกยังมีน้ำนมแม่เป็นอาหารทิพย์ที่พระเจ้าเตรียมไว้รออยู่  หลังจากน้ำนมแม่หมดลง ทารกจะได้รับอาหารหลากหลายชนิดและมากมายกว่าอาหารที่อยู่ในครรภ์แม่   ถ้าทารกเห็นอาหารมากมายหลายชนิดในโลกนอกครรภ์แม่และมีความคิด ทารกคงอยากออกมาจากครรภ์แม่ก่อนกำหนดอย่างแน่นอน

แม้โลกหลังครรภ์แม่เป็นโลกที่มีอาหารมากมาย  แต่มนุษย์ต้องทำงานเพื่อให้ได้มา  โลกนี้จึงไม่สบายเหมือนโลกในครรภ์แม่  และมนุษย์ไม่สามารถที่จะกลับไปสู่โลกในครรภ์ที่แสนสบายได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม  เมื่อมาอยู่บนโลกชั่วคราวใบนี้แล้ว  มนุษย์ทุกคนได้รับเวลาไม่เท่ากันและไม่มีใครรู้ว่าตัวเองได้รับเวลานานเท่าใด  ขณะมีชีวิต  มนุษย์ทุกคนต้องตรากตรำทำงานและต้องได้รับเคราะห์กรรม ความทุกข์ยากลำบากเป็นบททดสอบว่าเขายังคงมุ่งมั่นทำความดี มีความศรัทธาในพระเจ้าที่เขาจะกลับไปหาหรือไม่

ดังนั้น หากเขาอยากมีชีวิตสุขสบายไม่ต้องทำงานเหมือนเมื่อตอนอยู่ในครรภ์แม่และได้รับปัจจัยยังชีพที่มากมายกว่าที่เขาเคยเห็นในโลกนี้  เขาจะต้องไปสู่อีกโลกหนึ่ง นั่นคือโลกหลังความตายซึ่งเป็นโลกที่ต่างไปจากโลกแห่งครรภ์มารดา  มันเป็นโลกแห่งการตอบแทนการงานที่เขาได้ทำไป  เป็นโลกที่เครื่องอุลตราซาวด์ไม่สามารถถ่ายภาพให้เห็นได้เหมือนตอนที่เขาอยู่ในครรภ์และมีตัวตนก่อนจะคลอดมาสู่โลกนี้

ด้วยเหตุนี้   ความตายจึงไม่ใช่การสิ้นสุดของชีวิต  แต่ความตายเป็นการคลอดอีกครั้งหนึ่งจากครรภ์แห่งโลกนี้ไปสู่โลกหน้า  จะต่างกันก็ตรงที่เมื่อเราคลอดออกมาจากครรภ์แม่ ผู้ทำคลอดจะนำรกของเราไปทิ้ง  แต่ความตายเป็นการคลอดทางจิตวิญญาณที่สังขารของมนุษย์จะถูกทิ้งไว้ในโลกนี้  ส่วนวิญญาณจะมีผู้นำไปสู่อีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นโลกที่เครื่องมือวิทยาศาสตร์ไม่สามารถถ่ายภาพให้เห็นได้

ขณะอยู่ในครรภ์  ทารกยังไม่ได้รับความสามารถในการมองเห็นและสติปัญญาในการคิด ทารกจึงไม่รู้ว่าโลกนอกครรภ์แม่มีอะไรอีกมากมาย  แต่เมื่อมนุษย์คลอดออกมาโดยมีสติปัญญาและความสามารถในการมองเห็น  ปัจจัยยังชีพอันมากมายในโลกหลังความตายจึงถูกปิดบังไว้เพื่อเป็นการทดสอบว่ามนุษย์จะเชื่อในเรื่องโลกหลังความตายหรือไม่

ความสุขสบายที่แท้จริงและมนุษย์ต้องการนั้นมีอยู่ในสวรรค์ที่เดียว เพราะที่นั่น มนุษย์ไม่ต้องทำงาน และมนุษย์จะได้รับทุกอย่างที่เขาต้องการ  วัยของเขาจะเหมือนคนมีอายุราว 33 ปี ไม่มีการเจ็บป่วย  ไม่แก่และจะมีชีวิตนิรันดร์

ไม่เชื่อ ไม่อยากไปก็ไม่ว่ากัน


You must be logged in to post a comment Login