วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

ความเป็นไป (ไม่) ได้ที่จะดึงต่างชาติรวยๆ มาอยู่ไทย

On October 11, 2022

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย              

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 11 ต.ค.  65)

ช่วงนี้รัฐบาลไทยและคนในวงการอสังหาริมทรัพย์บางรายพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่าจะมีคนต่างชาติรวยๆ มาอยู่ในไทยมากมาย มาซื้อสินค้าเหลือขายของนักพัฒนาที่ดิน ทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้น ดร.โสภณมาพิสูจน์ตัวเลขว่าไม่จริง เราไม่ควรบริหารประเทศด้วยตัวเลขผิดๆ และข่าวร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือต่างชาติมาแน่ แต่มาตั้งอาณานิคมต่างหาก ไม่ได้มาซื้ออสังหาฯ เหลือขายของนักพัฒนาที่ดินไทยหรอก

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่าทางราชการพยายามผลักดันการให้ต่างชาติซื้อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งโดยหลักการแล้วไม่ผิด แต่ผิดที่ไม่มีการเก็บภาษีหรือไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ เข้าข่ายการ “ขายชาติ” และดูเหมือนทางราชการจะขาดข้อมูล หรือได้รับข้อมูลบิดเบือนจากเหล่านายหน้าข้ามชาติที่มุ่งขายชาติหรือนักพัฒนาที่ดินบางคนที่จะได้ประโยชน์จากการขายชาติ ดร.โสภณ จึงขอให้ข้อมูลชัดๆ เพื่อทางราชการได้พิจารณา

ในช่วงที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลน้อยมาก ในปีที่สูงสุดก่อนเกิดโควิด-19 ก็ซื้อเพียง 6,557 หน่วย หรือ 12% ของหน่วยขายทั้งหมด ยิ่งมาในปี 2563, 2564 และแม้แต่ปี 2565 ก็มาซื้อในสัดส่วนที่น้อยมากเพียง 4%-6% ของหน่วยขายทั้งหมดเท่านั้น

ยิ่งกว่านั้นเมื่อพิจารณาถึงราคาที่ต่างชาติซื้อ จะพบว่าซื้อในราคาที่ไม่แตกต่างจากทั่วไปนัก เช่น ในปี 2562  ต่างชาติซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในราคาเฉลี่ย 4.654 ล้านบาท ในขณะที่การซื้อขายทั่วไปอยู่ที่ 3.847 ล้านบาท หรือสูงกว่าราคาทั่วไปเพียง 21% เท่านั้น ยิ่งในปี 2563 ก็ซื้อแทบในราคาเดียวกับทั่วไป  มีเฉพาะในปี 2565 ที่ต่างชาติซื้อในราคาเฉลี่ยแพงกว่าทั่วไป 49%  คือต่างชาติซื้อในราคา 4.997 ล้านบาทต่อหน่วย ในขณะที่ทั่วไปซื้อในราคา 3.354 ล้านบาทต่อหน่วย

ดร.โสภณเสนอว่า ก่อนที่จะให้ต่างชาติซื้อห้องชุด ควรกำหนดราคาขั้นต่ำ เช่น ในมาเลเซียกำหนดไว้ในราคา 1-2 ล้านริงกิต หรือ 8-16 ล้านบาท เพื่อไม่ให้ต่างชาติมาแย่งซื้อสินค้าห้องชุดแข่งกับคนในท้องถิ่น ถ้าไทยให้ต่างชาติซื้อส่งเดช  ก็จะเป็นภัยต่อการจัดหาที่อยู่อาศัยแก่พี่น้องประชาชนคนไทยเอง ราคาบ้านก็จะเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนทั่วไปก็จะยิ่งหาซื้อบ้านได้ยากขึ้น

ยิ่งกว่านั้นต่างชาติที่ซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซื้อกันในเขตรัชดา-ลาดพร้าว ใจกลางเมืองหรือ Central Business District (CBD) และบางนา-เทพารักษ์เป็นหลักถึง 60% นอกนั้นกระจายในพื้นที่อื่น แสดงว่าต่างชาติไม่ได้มาซื้อที่เปรอะไปหมด ไทยจึงควรจำกัดเขตที่แน่นอนในการซื้อ ไม่ใช่ปล่อยให้มาซื้อโดยไม่มีมาตรการป้องกันใดๆ เลย

ที่ผ่านมาทางราชการยังเปิดเผยเป้าหมายว่าไทยจะดึงคนรวยๆ 1 ล้านคนมาอยู่ในประเทศไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น และก็มีคนนำตัวเลขนี้ไปอ้างต่อๆ กันโดยไร้ที่มาที่ไป นี่เป็นตัวเลขเท็จอย่างแน่นอน  ดร.โสภณมาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตัวเลขว่าไม่มีทางนำคน 1 ล้านคนเข้าประเทศได้แน่นอน เพราะ

1. ขนาดสหรัฐอเมริกา ยังดึงคนเข้าประเทศมาซื้อบ้านได้แค่ 98,600 หลังล่าสุดในปีที่ผ่านมา (https://bit.ly/3rgsHMa)ถ้าหลังหนึ่งมีคนอยู่ 2 คน ก็ดึงคนเข้ามาได้เพียงไม่ถึง 200,000 คน ประเทศไทยที่บางคนยังไม่รู้ว่าตั้งอยู่ที่ไหน ย่อมไม่สามารถดึงคนมาได้เท่านี้แน่นอน

2. มาเลเซียมีโครงการดึงคนต่างชาติรวยๆ มาอยู่ในประเทศตนเหมือนกัน แต่ใน 17 ปีที่ผ่านมา (นับแต่ปี 2545) ทำได้แค่ 48,471 หน่วย (https://bit.ly/3SMtxfd) นับถึงปี 2562 หลังจากนั้นอยู่ในสถานะกึ่งเลิกโครงการ จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ ไทยจะทำได้ดีกว่ามาเลเซียสักเท่าไหร่

3.คนต่างชาติที่เป็นแรงงานมีฝีมือในไทยมีเพียง 151,882 คน (https://bit.ly/3LUcdCY) นับถึงสิงหาคม 2565เท่านั้นในขณะนี้ ดังนั้นการจะดึงคนประเภทนี้เข้ามาอีก 6.6 เท่า (1 ล้านคน) ในเวลา 5 ปี จึงเป็นแค่ราคาคุยที่ไม่มีโอกาสเป็นไปได้

4. ต่างชาติที่ได้รับการอนุญาตให้ส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยในปี 2564 แม้จะเพิ่มขึ้น (https://bit.ly/3SqYZjo) แต่ก็ยังน้อยกว่าปี 2561 (ก่อนโควิด-19) แสดงว่า “เลือดยังไหลออก” ผู้บริหารต่างชาติหรือคนออกนอกมีมากกว่าคนเข้า โอกาสที่จะให้มีคนเพิ่มคงยิ่งยากเข้าไปอีก

5. มูลค่าการซื้อขายของชาวต่างชาติในประเทศไทยเทียบได้ไม่ถึง 10% ของทั้งหมด (https://bit.ly/3y6pByi) แต่เราจงใจเปิดโอกาสให้ซื้อถึง 100% โดยไม่มีเหตุผลอันควร และมูลค่าการซื้อขายของชาวต่างชาติเท่ากับ 0.0% – 0.04% ของ GDP ในแต่ละปีเท่านั้น ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ได้

6. ประเทศไทยที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าที่ควร มีการใช้กฎหมู่มากมาย จะมีคนต่างชาติคิดจะมาอยู่มากมายได้อย่างไร อย่างมาก็มาท่องเที่ยวชั่วคราวเป็นหลัก

ที่น่ากลัวมากก็คือต่างชาติคงไม่ได้มุ่งมาซื้อห้องชุดในไทยโดยตรง แต่คงจะมาเช่าหรือซื้อที่ดินจาก “เจ้าสัว” ทั้งหลายที่สะสมที่ดินนับพันนับหมื่นนับแสนไร่มานมนาม เพื่อหวังขายให้กับต่างชาติมาตั้ง “อาณานิคม” สร้างอาคารชุดให้คนในชาติจักรวรรดินิยมเดียวกันมาซื้อกันมณฑลละแท่งสองแท่งมากกว่าจะมาอุดหนุนโครงการอาคารชุดของนักพัฒนาที่ดินคนไทย (อย่าได้ฝันหวานไปเลย)

อย่านำตัวเลขที่ไม่มีมูลความจริงมาส่งเสริมให้ต่างชาติมาตั้งอาณานิคมในไทยเลย


You must be logged in to post a comment Login