- มาสนใจกีฬาให้ยาบ้าหายไปPosted 12 hours ago
- ฝึกต้อนรับให้ดีจะมีสิ่งที่ดีPosted 2 days ago
- ต้องกวาดล้างสิ่งสกปรกPosted 3 days ago
- อย่าเอายศไปทำความอัปยศPosted 7 days ago
- แนะพระอย่าลืม 4 รักPosted 1 week ago
- ยิ้มไว้ไม่ทุกข์สนุกดีPosted 1 week ago
- กวาดล้างพวกขี้เหล้า-เมายาPosted 2 weeks ago
- ฟังกันบ้างPosted 2 weeks ago
- เป้าหมาย “สงกรานต์”Posted 2 weeks ago
- ตำรวจน้ำดียังมีPosted 2 weeks ago
มนุษย์นิยมไม่มีมนุษยธรรม
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 7 ม.ค. 65)
หลังจากยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ชาติยุโรปที่แยกตัวออกจากอำนาจของกรุงวาติกันไม่เพียงแต่มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์จากการค้นพบใหม่ๆที่ก่อให้เกิดประดิษฐ์กรรมอำนวยความสะดวกแก่มนุษย์เท่านั้น แต่ยังมีความคิดความเชื่อใหม่ๆที่มีผลต่อโลกเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
หนึ่งในนั้นคือมนุษย์นิยม(Humanism) แนวความคิดนี้เชื่อว่าด้วยความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากสติปัญญาของมนุษย์ มนุษย์สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆในการดำเนินชีวิตของตนเองได้โดยไม่ต้องอยู่ในกรอบของศาสนาอีกต่อไป แนวความคิดนี้จึงตัดความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าทิ้งไปและใช้วิทยาศาสตร์อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต
เนื่องจากกลุ่มคนที่มีแนวความคิดเช่นนี้มองว่าคำสอนของนักบวชแห่งคริสตจักรเป็นคำสอนที่ล้าหลังและก่อนหน้านั้นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความเชื่อขัดกับนักบวชเคยได้รับความไม่เป็นธรรมมาตลอด จึงมีบางคนหาทางบ่อนทำลายความเชื่อทางศาสนา และเนื่องจากรากฐานของศาสนาคริสต์คือความศรัทธาในพระเจ้า การบ่อนทำลายความเชื่อทางศาสนาจึงเริ่มต้นด้วยการสร้างความน่าสงสัยในการมีอยู่ของพระเจ้าและอำนาจในการสร้างของพระเจ้า
คัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานกล่าวตรงกันว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ แต่มีนักวิทยาศาสตร์บางคนได้สร้างทฤษฎีขึ้นมาอธิบายว่าต้นกำเนิดของมนุษย์เกิดจากอนุภาคที่รวมตัวกันเป็นสิ่งมีชีวิตเซลเดียวและค่อยๆวิวัฒนาการเป็นสัตว์น้ำ สัตว์บกและกลายเป็นมนุษย์ในที่สุด
แนวความคิดดังกล่าวได้รับการสนับสนุนในชาติตะวันตกสมัยใหม่จนถึงขึ้นถูกเขียนเป็นตำราสอนในมหาวิทยาลัยในยุโรป และถูกนำไปสอนในสถาบันการศึกษาทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย
ในทัศนะทางศาสนา แนวความคิดดังกล่าวเป็นการปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้าในฐานะผู้สร้างที่เป็นนายและมนุษย์เป็นบ่าวที่ถูกสร้างขึ้นมา เมื่อไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าเป็นนายที่ตัวเองต้องเชื่อฟัง มนุษย์ก็ทำอะไรได้ตามความคิดหรือตามใจของตัวเอง
ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มคนที่มีแนวความคิดมนุษย์นิยมยังพยายามที่จะอธิบายอำนาจของพระเจ้าโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานกล่าวตรงกันว่าพระเจ้าได้ประทานปาฏิหาริย์ให้โมเสสใช้ไม้เท้าฟาดน้ำทะเลแหวกเป็นทางเพื่อพาพวกลูกหลานอิสราเอลข้ามทะเลหนีการไล่ล่าของฟาโรห์ แต่นักมนุษย์นิยมพยายามที่จะอธิบายว่าพวกลูกหลานอิสราเอลข้ามทะเลแดงได้มิใช่เพราะอำนาจจากพระเจ้า แต่เป็นเพราะโมเสสรู้ว่าน้ำทะเลจะลดที่ไหนและเวลาใด
ในคำสอนของศาสนา พระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งและพระองค์ทรงสร้างกฎควบคุมทุกสรรพสิ่งไว้ ไม่มีมนุษย์คนใดทำสุ่มครอบไก่แล้วตัวเองเข้าไปอยู่ในสุ่มไก่ เช่นเดียวกัน เมื่อพระเจ้าเป็นผู้สร้างกฎธรรมชาติขึ้นมา พระเจ้าจึงอยู่เหนือกฎ ดังนั้น ถ้าพระเจ้าจะทำอะไรนอกเหนือกฎธรรมชาติ พระเจ้าก็สามารถทำได้ มนุษย์ต่างหากที่ไม่สามารถอยู่เหนือกฎธรรมชาติได้
เมื่อเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมขึ้นในประเทศอังกฤษ โรงงานต่างๆในชาติยุโรปสามารถผลิตสินค้าได้จำนวนมาก รถไฟและเรือกลไฟทำให้ชาติตะวันตกระบายสินค้าไปยังประเทศต่างๆและกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติจากประเทศเหล่านั้นกลับมาสร้างความเจริญมั่งคั่งให้ตนเอง การรุกรานและการล่าอาณานิคมจึงเกิดขึ้น และชาติตะวันตกได้นำเอาทฤษฎีวิวัฒนาการที่กล่าวว่าผู้ที่เข้มแข็งเท่านั้นที่อยู่รอดมาอธิบายสนับสนุนการล่าอาณานิคมของตนเอง
แนวความคิดมนุษย์นิยมจึงไม่มีเรื่องมนุษยธรรมที่มีอยู่ในคำสอนของศาสนาและทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้มีแนวความคิดมนุษย์นิยมนำมาอ้างสนับสนุนพฤติกรรมของตัวเองก็ถูกการค้นพบใหม่ๆทางวิทยาศาสตร์หักล้างไปหมดแล้ว
You must be logged in to post a comment Login