วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ปชป.เคาะเลือกหัวหน้าพรรคใหม่15พ.ค.

On April 23, 2019

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรคว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่มีนายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ เป็นประธาน คือ กำหนดให้จัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่วันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. โดยการเลือกครั้งนี้มีมติงดเว้นการทำไพรมารี เพราะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานการณ์ โดยวิธีการในการเลือกหัวหน้าพรรคนั้น ให้เสนอชื่อในที่ประชุมวันที่ 15 พฤษภาคม และให้ผู้ประสงค์รับการเลือกเป็นหัวหน้าพรรคแสดงวิสัยทัศน์คนละ 15 นาที รวมทั้งตั้งอนุกรรมการ 3 ชุด ดำเนินการให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยคือ อนุกรรมการจัดการประชุมใหญ่, อนุกรรมการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และอนุกรรมการกำกับวินิจฉัยประกาศผลเลือกตั้ง มอบหมายให้เลขาธิการพรรคดำเนินการ

นายจุรินทร์กล่าวว่า องค์ประชุมใหญ่ที่จะมีสิทธิลงคะแนนเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มีทั้งหมด 307 คน ประกอบด้วย 19 กลุ่มตามข้อบังคับพรรค แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.ส.ส.ชุดใหม่ที่ได้รับการเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมาแต่ต้องรอการประกาศผลอย่างเป็นทางการของ กกต. ก่อน โดย ส.ส.ใหม่จะมีน้ำหนักร้อยละ 70 เมื่อนำมาคำนวณคะแนนเลือกตั้ง 2.กรรมการบริหารพรรคชุดเก่า อดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค กลุ่มผู้บริหารท้องถิ่น หรือสภาท้องถิ่นที่ลงสมัครในนามพรรค กลุ่มหัวหน้าสาขาพรรคหรือตัวแทนจังหวัด กลุ่มตัวแทนผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งชุดล่าสุด ประกอบด้วย ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 7 คน ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.เขต 18 คน ซึ่งมีรายชื่อครบแล้ว โดยทั้งหมดจะเป็นองค์ประชุมในการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ส่วนอื่นๆยังเป็นไปตามข้อบังคับพรรค มีรองหัวหน้าพรรคจาก 2 ส่วนคือ รองหัวหน้าพรรคภารกิจ 8 คน รองหัวหน้าภาค 5 ภาค รวม 13 คน

“ในการประชุมใหญ่วันที่ 15 พฤษภาคม จะดำเนินการเฉพาะการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งชุดใหม่เท่านั้น ยังไม่มีการตัดสินใจทางการเมืองเกี่ยวกับการจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมรัฐบาล โดยในส่วนนี้จะเป็นอำนาจของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และ ส.ส.ใหม่เป็นผู้พิจารณา ซึ่งหลังจากที่ กกต. ประกาศรับรองผลเลือกตั้งก็จะมีการประชุม ส.ส.พรรค หากมีกรณีที่ต้องตัดสินใจทางการเมืองจะต้องประชุมร่วมกับกรรมการบริหารพรรค ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดเวลาได้ เพราะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในขณะนั้น ทั้งนี้ แม้พรรคจะมีแนวคิดทางการเมืองเกี่ยวกับการร่วมรัฐบาลออกเป็น 2 แนวทาง ก็ถือเป็นเรื่องปรกติของความแตกต่างทางความคิด เพราะในระบอบประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกันทุกเรื่อง แต่สุดท้ายพรรคมีกลไกตัดสินคือ ที่ประชุมร่วม ส.ส. และกรรมการบริหารพรรคมีมติอย่างไร เชื่อว่าสมาชิกจะยอมรับมตินั้น โดยไม่คิดว่าจะมีการแหกคอกเหมือนที่มีการวิเคราะห์ในขณะนี้ จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงมาตรการในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยการตัดสินใจทางการเมืองจะต้องพิจารณาทุกปัจจัย รวมถึงกรณีที่พรรคเคยประกาศจุดยืนทางการเมืองในการหาเสียงที่ผ่านมาด้วย” นายจุรินทร์กล่าว


You must be logged in to post a comment Login