วันพฤหัสที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2567

No Taxation Without Representation

On March 7, 2018

คอลัมน์ : โดนไปบ่นไป  “No Taxation Without Representation”  โดย อนุดิษฐ์ นาครทรรพ (โลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ 655 วันที่ 9-16 มีนาคม 2561)

“No Taxation Without Representation” เป็นสโลแกนที่เกิดขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่ออาณานิคมของอังกฤษในอเมริกา 13 แห่งเกิดความคับข้องใจการออกกฎหมายหลายฉบับจากรัฐสภาของอังกฤษที่ออกมาสร้างผลกระทบให้กับความเป็นอยู่ของประชาชนในอาณานิคมไม่ว่าจะเป็นกฎหมายน้ำตาล (Sugar Act) กฎหมายแสตมป์ (Stamp Act) เป็นต้น              

ทั้งๆที่ทุกอาณานิคมยอมเสียภาษีให้กับประเทศแม่อย่างถูกต้อง  แต่เนื้อหาของกฎหมายกลับออกมาละเมิดสิทธิมนุษยชนและปฏิเสธฐานะการเป็นชาวอังกฤษของผู้ที่อพยพมาอาศัยในอาณานิคม

tax

เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 คสช.ยึดอำนาจด้วยวลี “เราจะทำตามสัญญา  ขอเวลาอีกไม่นาน” แต่วันนี้เวลาที่ใช้ตามสัญญากลับนานมากขึ้นเหมือนอยู่ในเรือกลางทะเลที่ยังไม่เห็นฝั่ง  แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ การเห็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจโกหกพกลมเอาตัวรอดไปวันๆเพื่ออยู่ในอำนาจให้นานที่สุด  กับอีกฝ่ายหนึ่งที่เรียกร้องให้มีการคืนอำนาจแก่ประชาชนอย่างตรงไปตรงมาและขอให้ดำเนินการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด

 

ดังนั้น จึงมีการเรียกร้องให้มีตัวแทนของอาณานิคมเพื่อไปทำหน้าที่ตัวแทนในการออกกฎหมายในรัฐสภาเพื่อที่จะกำหนดรายละเอียดที่ถูกต้องและเป็นธรรมให้กับชาวอาณานิคมต่อไปแต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็ถูกปฏิเสธในที่สุด

จากการที่ประเทศอังกฤษปฏิเสธไม่ยอมรับการมีตัวแทนของอาณานิคมในสภานี่เอง จึงทำให้อาณานิคมของอังกฤษในอเมริกาไม่ยอมจ่ายภาษีให้กับสหราชอาณาจักรอีกต่อไปทำให้อังกฤษต้องส่งกำลังเข้ามาสู้รบเพื่อยึดอำนาจและนำไปสู่การเกิดสงครามกลางเมืองและการประกาศเอกราชของประเทศสหรัฐอเมริกาในที่สุด

ผมนำเรื่องนี้มาถ่ายทอดให้ฟัง  เพราะเชื่อว่าการที่ประชาชนปฏิเสธการจ่ายภาษีเพราะไม่มีตัวแทนของตัวเองในรัฐสภาเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว  ทั้งนี้เพราะรัฐสภาที่ไม่ได้มาจากประชาชนย่อมไม่มีแรงจูงใจในการทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

ดังนั้น การออกกฎหมายต่างๆจึงมีแต่การเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องและเป็นไปเพื่อผู้ที่มีอำนาจเท่านั้น  ไม่เว้นแม้แต่ประเทศมหาอำนาจอย่างอังกฤษที่เคยได้รับบทเรียนราคาแพงมาแล้วในอดีต

ย้อนกลับมาที่ประเทศไทย  แม้ว่าการรัฐประหารโดย “ท่านผู้นำสูงสุด” จะไม่ใช่การยึดอำนาจครั้งแรก  แต่การปฏิวัติครั้งนี้อาจเป็น “ครั้งแรก” ที่คสช. พร้อมกับลิ่วล้อแต่งตั้งและบริวารทั้งหลายอยู่ในตำแหน่งซึ่งทำหน้าที่แทนประชาชน“นานสุดๆ”

ล่วงเลยมาเกือบ 4 ปีแล้วที่คนไทย“หมดสิทธิ์” ส่งผ่านความคิด ความต้องการที่แท้จริง  เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม  การปราศจากตัวแทนในฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ  ถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การบริหารงบประมาณแผ่นดินที่ผ่านมาไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของประชาชน

โครงการต่างๆที่รัฐบาลทหารขับเคลื่อนโดยใช้หน่วยงานราชการเป็นผู้ปฏิบัติ  กลายเป็นคำถามตัวโตว่า  โครงการเยอะแยะมากมายเหล่านี้เป็นโครงการที่ประชาชนอยากได้หรือคสช.อยากได้กันแน่!

แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ มาตรฐานความโปร่งใสที่สังคมยอมรับได้ยาก  เนื่องจากขาดกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจนถูกต้องและเป็นธรรมโดยกลไกที่มาจากประชาชนเจ้าของภาษีโดยตรง

คนจำนวนไม่น้อยอาจหลงลืมไปว่าผู้ที่เป็น “สปอนเซอร์” ใหญ่ให้กับผู้บริหารประเทศทุกรัฐบาลก็คือ “คนไทย” ทุกคนที่ต้องจ่ายภาษีปีละไม่ใช่น้อย   ค่าใช้จ่ายใกล้ตัวที่สุดที่เราต้อง “ส่งเสีย” ให้กับรัฐบาลทุกวันก็คือ“ภาษีมูลค่าเพิ่ม” นอกนั้นยังมีภาษีโน่นนี่ยุบยับเต็มไปหมด

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจและยอมรับไม่ได้ที่รัฐบาลออกมาจัดการกับประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ออกมาเรียกร้องด้วยความสงบเพื่อให้มีการเลือกตั้ง  เพราะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับผู้สนับสนุนงบประมาณ  โดยตรงแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย  ถ้ารัฐบาลมีจิตสำนึกว่าประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและเป็นเจ้าของงบประมาณที่แท้จริง

ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงไม่คาดหวังว่า “ท่านผู้นำสูงสุด” และบริวารจะเข้าอกเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของคนไทย  เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเราก็ถูกฝ่ายเผด็จการ “ทวงบุญคุณ” ทุกวันอยู่แล้ว

คำอธิบายในการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลทหารก็คือการ “เสียสละ” เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศด้วยความจำเป็น  ถ้า “ท่านผู้นำสูงสุด” และบริวาร“ไม่เสียสละ”   ป่านนี้ประเทศก็คงวุ่นวายกันไม่เลิกและประเทศไทยก็คงไม่สงบเรียบร้อยมาจนถึงทุกวันนี้

แม้ว่าข้อเท็จจริงของทุกฝ่ายจะตรงกันแต่ความเชื่อของทั้ง 2 ฝ่ายกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 คสช.ยึดอำนาจด้วยวลี “เราจะทำตามสัญญา  ขอเวลาอีกไม่นาน” แต่วันนี้เวลาที่ใช้ตามสัญญากลับนานมากขึ้นเหมือนอยู่ในเรือกลางทะเลที่ยังไม่เห็นฝั่ง

แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ การเห็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจโกหกพกลมเอาตัวรอดไปวันๆเพื่ออยู่ในอำนาจให้นานที่สุด

กับอีกฝ่ายหนึ่งที่เรียกร้องให้มีการคืนอำนาจแก่ประชาชนอย่างตรงไปตรงมาและขอให้ดำเนินการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด

ผมแค่คิดต่อไปเล่นๆว่าในอนาคตอันใกล้นี้หากคสช.ยัง “ยืนยัน” ที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งและประชาชน “ตระหนักรู้” ว่าตัวเองโดนหลอกมาตลอดและจะไม่ได้อำนาจอธิปไตยของตัวเองคืนมาอย่างแน่นอน

เมื่อนั้นหากทุกคนยืนยันหลักการ “No Taxation Without Representation” ขึ้นมาอะไรจะเกิดขึ้น!

ผมแค่คิดเล่นๆเท่านั้นเองครับ

 


You must be logged in to post a comment Login