วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

ชุบชีวิตคนตกอับ / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On February 12, 2018

คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเลียนแบบใครระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ เมื่อธนาคารพาณิชย์มีแผนจะเอาพนักงานออก โดยเฉพาะการยุบสาขาจำนวนมาก ในอดีตใครทำงานธนาคารถือว่าโก้ แต่ตอนนี้กำลังแย่ เพราะจะมีคนตกงานเป็นหมื่น

ขอฝากไว้แล้วกันว่า ช่วงที่วิกฤตไม่มีอะไรทำก็ลองมาวัดสวนแก้ว แต่ต้องไม่หอบอีโก้หรือความหรูหรามานะ เพราะทำงานไม่ได้ ต้องเริ่มต้นที่ 0 เมื่อออกจากงานหรือตกงานมันจะ 80 หรือ 90 ไม่ได้ ต้องตั้งต้นที่ 0 แล้วขยับให้เป็น 3, 4, 5 จนถึง 100

อันนี้เป็นแนวทางที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ ถ้าคิดว่าโก้แล้วลงต่ำไม่ได้จะเดือดร้อนมากกว่า เหมือนที่ รศ.ดร.พัทธนันท์ หรรษาภิรมย์โชค รองเลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ แสดงความเป็นห่วงที่มหาวิทยาลัยจะจัดสรรงบประมาณให้คณะต่างๆ ซึ่งหลายสาขาไม่ตรงกับความต้องการของภาคธุรกิจ และอาจกระทบถึงการเลิกจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยด้วย

สถานการณ์เปลี่ยนไป เทคโนโลยีก็เปลี่ยนไป ทำให้การทำงานต้องเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ใช่เฉพาะภาคเอกชน แม้แต่พนักงานมหาวิทยาลัยก็ยังมีแผนที่จะปลดออก ยิ่งรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณให้จำกัดเฉพาะคณะหรือสาขาที่สอดคล้องกับตลาดหรือธุรกิจ การประหยัดงบประมาณก็ต้องกระทบถึงการทำงาน ต้องเอาคนออก เพราะคนถือเป็นต้นทุน เมื่อจะลดต้นทุนการศึกษาก็ต้องลดทุกด้าน ยุบบางคณะบางสาขาที่แทบไม่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ตั้งแล้วเลิกไม่ได้ เจ้าหน้าที่ พนักงาน ครูบาอาจารย์ รวมถึงภารโรงก็ต้องปลด ต้องลด เพื่อให้มหาวิทยาลัยเดินหน้าต่อไปได้

ทำให้นึกถึงอาชีพเกษตรกรที่บางครั้งขาดทุนแทบทุกอย่าง ปาล์มก็ราคาถูก ยางพาราก็ราคาถูก ข้าวก็ราคาถูก เขาก็ยังยึดอาชีพอยู่ได้ แต่ลูกจ้างเอกชนตกงานหรือถูกปลดออกสามารถอยู่ได้หรือไม่ เพราะเป็นมนุษย์เงินเดือน ตรงข้ามกับมนุษย์แรงงาน เกษตรกร รายได้จะสูงต่ำตามสถานการณ์ แต่บางครั้งก็ต่ำจนน่ากลัว

ดังนั้น เมื่อต้องตกงานหรือไถลจากสูงลงมาต่ำก็ต้องตั้งต้นให้ได้แม้จะต้องเริ่มจากศูนย์ หากทำใจได้ก็อยู่ได้ อาตมาดูสารคดีของประเทศจีนที่ปลูกพืชผลทางเกษตรบนภูเขา ตามไหล่เขา รอฤดูฝนให้มีน้ำเท่านั้น ทำให้เห็นว่าความเพียรความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น คำนี้พูดกันมานานแล้ว แต่เรามักจะลืม

คำนี้มันใช้ได้บางที่ บางกรณี อย่างประเทศจีนที่ต้องรอน้ำฝน บางทีปลูกแล้วแห้งตายหมดเพราะไม่มีฝนเลย เป็นเรื่องที่น่าอนาถใจ เครื่องจักรก็ไม่มี เขาใช้คนลากเครื่องคราด ดูแล้วก็สงสารว่าทำไมเขาต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดนั้น สุดท้ายก็มีคนทิ้งถิ่นฐาน ทิ้งภาคเกษตรกรรม ทิ้งป่าเขาลำเนาไพรเข้าไปอยู่ในเมือง แม้จะมีเกษตรกรบางรายพยายามแปรรูปพืชผลทางการเกษตรก็อยู่ไม่ได้ เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมูเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้พออยู่ได้ แต่ก็บอกว่าถ้าขายหมูหมดก็อาจจะไปอยู่ที่อื่น ไปทำอาชีพอื่นเหมือนกัน

มนุษย์จะขายอะไรถ้าไม่ขายแรง แต่มีแรงพอขายมั้ย เพราะเคยนั่งโต๊ะนั่งเก้าอี้ ไม่เคยทำงานอะไรที่ใช้แรงกายเลย ไม่เหมือนตำรวจ ทหาร ที่มีการฝึกให้แข็งแรง ต้องออกกำลังกายเป็นประจำ เมื่อเกิดน้ำท่วมน้ำแล้งก็ไปช่วยแจกน้ำ ช่วยกู้ภัยต่างๆได้สบาย แต่คนที่ไม่เคยออกกำลังกาย อยู่แต่ในห้องแอร์ จะเอาแรงมาจากไหน

พูดเรื่องปฏิรูป เรื่องพัฒนากระทรวงทบวงกรมต่างๆมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ไปถึงไหน แม้จะมีการศึกษาสูงก็ยังต้องเป็นทุกข์ว่าจะถูกปลดออก พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปัญญาย่อมเกิดแก่คนผู้หมั่นประกอบ ไม่ใช่ปัญญาจะเกิดเพราะการศึกษาอย่างเดียว คนที่ทำโน่นทำนี่ ตาดู หูฟัง มือทำ สมองคิดอยู่เรื่อยๆ ยามชีวิตตกอับก็มีสิ่งที่จะชุบชีวิตได้

อาตมาขออ้าแขนรับสำหรับคนที่จะตั้งต้นชีวิตใหม่จากศูนย์ ถ้าลดตัวเป็นศูนย์ได้ก็มาที่วัดสวนแก้วได้เลย ชุบชีวิตคนยามตกอับได้แน่นอน

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login