วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

สองทิศของหนึ่งศรัทธา / โดย บรรจง บินกาซัน

On September 19, 2016

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

หุบเขาบักก๊ะฮฺในอดีตหลายพันปีก่อนเป็นหุบเขาที่มีลักษณะเหมือนแอ่งกระทะที่เต็มไปด้วยโขดหินในคาบสมุทรอาหรับ แต่เมื่ออับราฮัม พานางฮาการ์ ภรรยาคนที่ 2 กับทารกอิสมาอีล ลูกชายคนหัวปี ไปทิ้งไว้ตามลำพังที่นั่น ไม่กี่วันหลังจากนั้นสองแม่ลูกก็ได้รับของขวัญจากพระเจ้าในรูปของน้ำซัมซัมที่ผุดออกมาหล่อเลี้ยงชีวิตจากใต้ผืนทรายใกล้ตัวทารก

ที่ไหนมีน้ำ ที่นั่นมีชีวิต นกจำนวนหนึ่งได้มาบินเวียนวนอยู่เหนือหุบเขาบักก๊ะฮฺ เมื่อกองคาราวานของชาวอาหรับผ่านมาสังเกตเห็นพฤติกรรมของนก พวกเขาจึงนำกองคาราวานเข้ามาหาน้ำและเริ่มตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนขึ้นที่นั่น

หลังจากอับราฮัมทิ้งครอบครัวของเขาไว้ที่หุบเขานั้นแล้ว เขาได้กลับไปหานางซาร่าห์ ภรรยาคนแรก และหาโอกาสกลับมาเยี่ยมครอบครัวของเขาในหุบเขาบักก๊ะฮฺเป็นบางครั้ง ครั้งสุดท้ายที่เขามาเยี่ยมอิสมาอีลเติบโตเป็นหนุ่มแล้ว และในครั้งนี้อับราฮัมได้บอกลูกของเขาว่าพระเจ้าได้บัญชาให้เขาสร้างบ้านขึ้นมาหลังหนึ่งเพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์ สองพ่อลูกจึงเริ่มสร้างบ้านด้วยการขนหินมาเรียงกันเป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ถูกเรียกว่า “ก๊ะอฺบ๊ะฮฺ”

มีตำนานเล่าว่า เดิมทีรากฐานของบ้านที่อับราฮัมกับลูกชายของเขาสร้างนั้นเป็นจุดเดียวกับบริเวณที่อาดัมเคยสร้างอาคารไว้เพื่อเคารพสักการะพระเจ้า แต่ด้วยกาลเวลาที่ผ่านไป บ้านแห่งการสักการะพระเจ้าของอาดัมได้พังทลายไป ทูตสวรรค์จึงมาชี้จุดก่อสร้างให้อับราฮัม

เมื่ออับราฮัมสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระเจ้าได้บัญชาให้อับราฮัมไปเรียกร้องเชิญชวนผู้คนให้มาสักการะพระองค์และทำพิธีฮัจญ์ที่นี่ พระเจ้าได้สอนวิธีการทำฮัจญ์ให้อับราฮัม พิธีฮัจญ์จึงเริ่มตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หลังจากนั้นอับราฮัมได้เดินทางกลับไปหานางซาร่าห์ภรรยาคนแรกที่อยู่ในแผ่นดินกันอาน ซึ่งที่นั่นเขาได้สร้างสถานที่แห่งการเคารพสักการะพระเจ้าขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งตรงบริเวณที่เรียกกันในปัจจุบันว่า “มัสญิดอัลอักซอ” ในเมืองเยรูซาเล็ม ในวัยชราอายุเกือบร้อยปีอับราฮัมได้ลูกคนที่สองจากนางซาร่าห์ชื่อ อิชอัก หรืออิสฮาก

ศาสนสถาน 2 แห่งที่อยู่ห่างกันประมาณ 2,000 ไมล์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อการเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียวซึ่งเป็นหลักศรัทธาขั้นพื้นฐานของผู้คนที่นับถือศาสนาของอับราฮัม นั่นคือชาวยิว ชาวคริสเตียน และมุสลิม มีบันทึกคำพูดของนบีมุฮัมมัดว่าศาสนสถาน 2 แห่งนี้สร้างห่างกัน 40 ปี

หลังสมัยของอับราฮัมสถานที่เคารพสักการะพระเจ้าที่เขาสร้างไว้ได้พังทลายลง กษัตริย์โซโลมอนจึงได้สร้างวิหารสักการะพระเจ้าขึ้นมาตรงบริเวณที่อับราฮัมได้สร้างไว้ แต่หลังจากสมัยของโซโลมอนและเดวิด วิหารที่กษัตริย์โซโลมอนสร้างขึ้นได้ถูกทำลายและมีการสร้างวิหารหลังที่สองขึ้นมาแทน

หลังสมัยพระเยซูคริสต์วิหารหลังที่สองถูกกองทัพโรมันทำลายใน ค.ศ. 70 และทำให้ลูกหลานอิสราเอลต้องแตกกระจัดกระจายไปอาศัยอยู่ในส่วนต่างๆของโลก ซึ่งในจำนวนนั้นมี 3 เผ่าอพยพมาหลบภัยอยู่ที่ชานเมืองยัษริบหรือเมืองมะดีนะฮฺ ส่วนก๊ะอฺบ๊ะฮฺได้กลายเป็นสถานที่แห่งการเคารพสักการะกราบไหว้รูปปั้นที่มีอยู่โดยรอบถึง 360 องค์

เมื่อท่านนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลามในมักก๊ะฮฺ ท่านประสบการต่อต้านรุนแรงยิ่งขึ้นทุกวันจนท่านต้องอพยพไปยังยัษริบ เมื่อไปถึงที่นั่นท่านพบชาวยิวนมัสการพระเจ้าโดยหันไปทางเมืองเยรูซาเล็ม เนื่องจากชาวยิวเป็นสาวกของโมเสสผู้เป็นศาสดาของพระเจ้า นบีมุฮัมมัดจึงได้สั่งบรรดาสาวกของท่านให้หันหน้าไปทางเมืองเยรูซาเล็มเหมือนชาวยิวในการทำละหมาดเพื่อเป็นการให้เกียรติศาสดาก่อนๆ

แต่เมื่ออยู่ที่ยัษริบได้ 2 ปี และพยายามที่จะบอกชาวยิวที่นั่นว่าคำสอนของคัมภีร์กุรอานที่ท่านนำมาสอนนั้นเป็นสิ่งยืนยันคัมภีร์ที่ถูกพระเจ้าประทานมาก่อนหน้านี้ แต่ชาวยิวปฏิเสธและต่อต้านท่าน ด้วยเหตุนี้เมื่อถึงเวลาอันสมควรพระเจ้าจึงได้มีบัญชามายังนบีมุฮัมมัดให้เลิกหันหน้าไปทางเมืองเยรูซาเล็มในเวลาละหมาดและหันไปทางก๊ะอฺบ๊ะฮฺในเมืองมักก๊ะฮฺแทน

นับแต่นั้นมามุสลิมจึงละหมาดโดยหันหน้าไปยังก๊ะอฺบ๊ะฮฺ บ้านที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียว ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนของโลกก็ตาม


You must be logged in to post a comment Login