วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

สังคมนกปีกหัก

On October 16, 2020

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 16-23 ต.ค. 2563)

นกบินอยู่กลางอากาศได้ด้วยปีกทั้งสองที่ต้องแข็งแรงอย่างสมดุล ถ้านกปีกหักหรือปีกข้างใดเจ็บมันจะไม่สามารถบินได้ และมีแต่จะต้องรอคอยว่าสัตว์ชนิดใดจะเอามันไปเป็นเหยื่อ

ชีวิตมนุษย์ก็ไม่ต่างไปจากนกที่มีสองปีก ปีกหนึ่งคือปีกแห่งสังขาร และอีกปีกหนึ่งคือปีกแห่งวิญญาณ ปีกทั้งสองจะต้องแข็งแรงอย่างสมดุลชีวิตจึงจะสมบูรณ์

นกบินอยู่แค่ในโลกนี้ ตายเมื่อใดชีวิตก็จบ มันไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลกรรมแห่งความดีและความชั่วที่มันไม่รู้จัก ผิดกับมนุษย์ที่มีสติปัญญารู้ดีรู้ชั่ว หลังตายจากโลกนี้ไปวิญญาณที่เป็นชีวิตจริงต้องบินไปรับผิดชอบต่อผลกรรมที่ทำไว้ การฟื้นคืนชีพหลังความตาย การพิพากษา นรกและสวรรค์ เป็นความยุติธรรมที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้สำหรับผลงานของแต่ละคนในฐานะที่พระองค์เป็นผู้ทรงยุติธรรม

ศาสนาบอกความจริงเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ เหมือนกับเด็กประถมที่ไม่เข้าใจวิชาพีชคณิต

ก่อนโลกมีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ สังคมมนุษย์เป็นสังคมแห่งการผลิตเพื่อกินเพื่อใช้และแบ่งปัน มนุษย์จึงมีเวลาในการเรียนรู้และปฏิบัติศาสนา คำสอนทางศีลธรรมจึงช่วยจรรโลงสังคมให้สงบสุข ผู้คนพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ความกลัวบาปและกลัวการลงโทษในนรกช่วยทำให้มนุษย์ต้องยับยั้งชั่งใจ คิดแล้วคิดอีกก่อนลงมือทำชั่ว อาชญากรรมในสังคมจึงมีน้อย

แต่เมื่อโลกเข้าสู่ยุคทุนนิยมที่เครื่องจักรในโรงงานผลิตสินค้าได้จำนวนมาก ผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคโดยเร่งให้มนุษย์บริโภคมากขึ้นเพื่อรองรับการผลิต ระบบเศรษฐกิจจึงเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้บริโภคและผู้ผลิต ซึ่งมักจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของผู้บริโภคที่อดใจไม่ได้ต่อการเย้ายวนของสินค้าและบริการใหม่ๆ

moral1

ประเทศไทยเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตั้งแต่ พ.ศ. 2501 แผนพัฒนาฯทุกฉบับเน้นการเจริญเติบโตเพื่อความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ หลังจากพัฒนาเศรษฐกิจได้ 4 ทศวรรษ เศรษฐกิจเจริญมั่งคั่งดังแผนที่วางไว้ แต่ต้องแลกด้วยความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมและศีลธรรม จนรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2540 แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯต้องหันมาเน้นการพัฒนาคน แต่ยังไม่ทันไรรัฐธรรมนูญที่ถือว่าดีที่สุดของไทยก็ถูกฉีก

ระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง ทุกรัฐบาลพูดแต่เรื่องความมั่นคงของชาติ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางพลังงาน และความมั่นคงอื่นๆสารพัด โดยไม่มีใครพูดถึงความมั่นคงทางศีลธรรมที่เป็นพื้นฐานของสังคม ถ้าศีลธรรมเสื่อมสลายเมื่อใด สังคมมีอันต้องพังทลายเมื่อนั้น

วิชาหน้าที่พลเมืองและวิชาศีลธรรมที่คนรุ่นก่อนเคยเรียนในโรงเรียนได้ถูกถอดออกไปจากหลักสูตร กระทรวงศึกษาธิการตอบสนองนโยบายพัฒนาประเทศตามแบบตะวันตกด้วยการเสริมการเรียนรู้เทคโนโลยีเข้าไปแทน จนเด็กนักเรียนและเยาวชนใช้เทคโนโลยีเก่งแต่ใช้ชีวิตไม่เป็น และเห็นชีวิตมีค่าน้อยกว่าอุปกรณ์เทคโนโลยีเสียด้วยซ้ำ

วิทยาศาสตร์ไม่สามารถกล่อมเกลาจิตใจคนได้ แต่ศาสนาไม่ได้ปฏิเสธการเรียนวิทยาศาสตร์ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าผู้บริหารการศึกษาของไทยรู้หรือไม่ว่าศาสนามิได้มีแค่เพียงพิธีกรรมสวดมนต์หรือเป็นเรื่องกิจของสงฆ์เท่านั้น แต่ศาสนาคือคู่มือการใช้ชีวิตเพื่อความสุขความเจริญในโลกนี้และเพื่อความรอดพ้นในโลกหน้า

ถ้าวิทยาศาสตร์ทำให้เด็กเก่ง และศาสนาทำให้เด็กดีมีศีลธรรม หากผู้รับผิดชอบการศึกษาไม่สามารถทำให้เยาวชนมีคุณภาพและคุณธรรมไปพร้อมกัน อนาคตของไทยก็ไม่ต่างไปจากนกปีกหัก

 


You must be logged in to post a comment Login