วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567

อมตะธรรม

On December 13, 2019

คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 13 ธ.ค. 62)

คำว่า “อมตะธรรม” คือธรรมที่ไม่ตาย คำว่าไม่ตายนี่หมายถึงว่าอยู่ยั้งยืนยง ในด้านชื่อเสียง ผลงาน เกียรติประวัติก็ด้านหนึ่ง โดยสรีระ ร่างกาย อายุขัยก็อีกด้านหนึ่ง บัดนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า รัชกาลที่ 9 เป็นอมตะบุคคลท่านหนึ่ง ถึงแม้ว่าท่านจะสวรรคตไปแล้ว แต่การจัดกิจกรรมรำลึกนึกถึงท่านในช่วงที่ผ่านมายังมีอยู่จนตลอดจนถึงบัดนี้ และจะยังมีต่อไป

ช่วงนี้อาตมาถูกนิมนต์ให้ไปเทศน์งานรำลึกถึงพ่อ พระคุณของพ่อมากมายหลายแห่ง ยิ่งพูดยิ่งระลึกนึกถึงและก็ยิ่งมีกำลังใจว่า อะไรๆที่ท่านคิด ท่านสร้าง ท่านทำไว้ ทำให้เราได้คติเตือนใจว่า ความไม่รู้จักจากไปโดยผลงาน เขาบอกว่าเวลาเราตาย เผาไหม้ ไหม้แขน ไหม้มือไปก่อน สะโพก หน้าอก หัวกะโหลกทีหลังสุด แต่แปลกที่ว่าหลังจากเผาหมดแล้ว สิ่งที่ไม่ไหม้ไปคือ ผลงาน ฝีมือ

เขาจะพูดว่าฝีมือพ่อคนนั้น แม่คนนี้ ฝีมือคนนั้นเท่านั้นเท่านี้ ทำให้คิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเราไม่คิดทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตจิตใจ ต่อบ้านเมือง ก็จะเป็นคนที่ไม่มีอะไรเหลือ จะตายก่อนตายจริงๆเสียอีก คืออยู่แบบแขนตาย ขาตาย เรียกว่าไม่ทำอะไรให้ชาติบ้านเมือง

เพราะฉะนั้นสิ่งที่พระองค์ท่านคิด ท่านทำไว้ เช่น น้ำคือชีวิต แก้มลิง หลุมขนมครกอะไรต่างๆ เป็นผลงานที่ตรึงใจให้ประโยชน์กับประเทศชาติ โดยวัดสวนแก้วได้เอานโยบายเรื่องน้ำคือชีวิตมาเป็นกองทุนธนาคารน้ำ สร้างแท็งก์น้ำ ขุดบ่อน้ำ แก้มลิง หลุมขนมครกต่างๆ ทำให้เกิดประโยชน์มหาศาล ดังนั้น ต้องถือว่าวิเศษที่สุด

คำว่าอมตะคือไม่ตาย ร่างกายอาจจะต้องตายไปกันทุกคน แต่ผลงานนี่สิ บางคนไม่มีเหลืออะไร บางคนอยู่มา 80 ปี 90 ปี ก็ไม่มีอะไรที่เป็นผลงานดีๆ

พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า คนมีชีวิตอยู่ร้อยปีแต่ไม่ได้ทำประโยชน์ สู้คนที่มีชีวิตอยู่วันเดียว ปีเดียว เดือนเดียว แต่เขาทำเต็มเหนี่ยว เต็มที่ จนมีผลงานโน่นนี่นั่นเต็มไปหมดไม่ได้ ถ้าอยู่ร้อยปีแต่อยู่อย่างไม่ได้ทำประโยชน์ สู้คนมีชีวิตอยู่ปีเดียว เดือนเดียว ทำประโยชน์เต็มที่จะดีกว่า

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login