วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

ผังเมืองอีอีซีกับการ“ขายชาติ”

On December 9, 2019

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 13-20 ธันวาคม 2562)

อีอีซีคือโครงการ “ขายชาติ” การดึงดูดการลงทุนไม่จำเป็นต้องประเคนขนาดนี้ ประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ที่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากกว่าไทยก็ไม่ได้ส่งเสริมการลงทุนแบบ “ขายชาติ” ถึงขนาดนี้ ผังเมืองอีอีซีก็ร่วมสนับสนุนการ “ขายชาติ” เช่นกัน ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ใครต้องชดใช้

ตาม พ.ร.บ.อีอีซี มาตรา 35 ให้สำนักงานและผู้ซึ่งทำธุรกรรมกับสำนักงานในกิจการเกี่ยวกับที่ดินและอสังหาริมทรัพย์บรรดาที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายนั้น แปลว่าอะไร นี่ใช่การขายชาติหรือเปล่า ชาติอื่นเช่นสิงคโปร์แค่ต่างชาติมาซื้อห้องชุดยังต้องเสียภาษีซื้อ 15% ฮ่องกง 30% แต่ไทยเราจะไม่เก็บค่าธรรมเนียม แถมภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ร่างกันอยู่ก็ต่ำจนแทบไม่ต้องเสีย อย่างนี้เราเสีย “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” ไหม นอกจากเรายกแผ่นดินให้ต่างชาติแล้ว ยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมโอนที่แม้แต่คนไทยก็ต้องเสีย ยกต่างชาติให้อยู่เหนือกว่าไทยแท้ๆเช่นนี้คนไทยเสียเปรียบต่างชาติแล้ว

ในอีอีซีเราอ้างว่าจะทำเพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ แต่มาตรา 39 ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไปสู่การใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สร้างนวัตกรรม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศในด้านต่างๆ คณะกรรมการนโยบายจะประกาศกำหนดจากอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้งหมด หรือบางส่วน หรืออุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยอาจรวมถึงอุตสาหกรรมการบริการ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการจัดประชุม หรืออุตสาหกรรมอื่นใดด้วยก็ได้ นี่เท่ากับอ้างเพื่อหาทางให้ต่างชาติมา “ฆ่า” อุตสาหกรรมไทยโดยเฉพาะใช่หรือไม่

มาตรา 49 ให้ผู้ประกอบ…ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นคนต่างด้าวตามประมวลกฎหมายที่ดิน ให้มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน หรือภายใต้การจำกัดสิทธิของคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด แล้วแต่กรณี นี่ไม่ใช่แค่เช่าที่ดิน 99 ปี ประเคนที่ดินให้พวกต่างชาติ ทั้งที่ก็ไม่เห็นมีใครเรียกร้องอะไรเลย

มาตรา 52 การเช่า เช่าช่วง ให้เช่า หรือให้เช่าช่วงที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ มิให้นำความในมาตรา 540 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2542 มาใช้บังคับ ห้ามมิให้ทำสัญญาเช่าเป็นกำหนดเวลาเกินห้าสิบปี การต่อสัญญาเช่าอาจทำได้ แต่จะต่อสัญญาเกินสี่สิบเก้าปีนับแต่วันครบห้าสิบปีไม่ได้ ที่ยกเลิกไม่ใช่มาตราตามกฎหมายเดิม เพราะกฎหมายเดิมระบุชัดว่าจะต่อสัญญาได้อีกก็ต่อเมื่อหมดสัญญาเดิมที่จดทะเบียนไว้แล้วเท่านั้น นี่เท่ากับจะทำให้การ “งุบงิบ” ทำสัญญาซ้อนเป็นการถูกกฎหมายใช่ไหม ยิ่งกว่านั้นยังปล่อยให้เช่าช่วงได้อีก พวกต่างชาติไม่ใช่เช่าที่ดินแล้ว ยังปล่อยให้เช่าช่วงอีก แต่ทีที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เกษตรกรไม่ใช้ทำเกษตรแล้วยังต้องคืนหลวง นี่ปล่อยให้พวกต่างชาติมาหากินกับที่ดินไทย

มาตรา 58 ผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ (1) ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินทั้งหมดหรือบางส่วน (2) สามารถใช้เงินตราต่างประเทศเพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการระหว่างผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ นี่แปลว่าต่างชาติสามารถใช้เงินตราสกุลของเขาเองได้ ต่อไปคงเอาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ ไทยคงเหมือนกัมพูชาที่เดี๋ยวนี้ใช้แต่เงินดอลลาร์ กลายเป็นประเทศราชทางการเงินของมหาอำนาจ

ที่สิงคโปร์ถ้ามีนายหน้าไทยไปเปิดบู๊ธขายบ้าน นายหน้าไทยนั้นจะต้องถูกปรับเป็นเงิน 625,000 บาท (25,000 เหรียญสิงคโปร์) จำคุกนานนับปี หรือทั้งจำทั้งปรับ สิงคโปร์ควบคุมนักวิชาชีพนายหน้าในประเทศของเขา คุ้มครองผู้บริโภคและนักวิชาชีพ แต่ที่ประเทศไทยโดยเฉพาะในอีอีซี นักวิชาชีพใดก็ตามหากได้รับการรับรองจากประเทศของเขาเองก็สามารถมาปฏิบัติหน้าที่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นนายหน้า แพทย์ สถาปนิก วิศวกร พยาบาล ฯลฯ ได้หมดทุกอย่าง ไม่เฉพาะแต่ในสิงคโปร์ ในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ต่างก็คุ้มครองวิชาชีพท้องถิ่น แต่ประเทศไทยเปิดเสรี นี่เท่ากับไทยเราขายชาติอยู่ใช่หรือไม่ (พ.ร.บ.อีอีซี มาตรา 59)

ในด้านการผังเมืองอีอีซีมีความไม่ชอบมาพากลอย่างไร ทำไมเขตเศรษฐกิจพิเศษใหญ่โตของชาติกลับไม่มีผังเมืองอะไรเลย ไม่ได้กำหนดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันออกมา หรือหวังจะเอื้อประโยชน์กับภาคเอกชนกันเสียก่อน จะสังเกตได้ว่า “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ทั้งหลายนั้นมักกินพื้นที่ขนาดเท่าโครงการขนาดใหญ่โครงการหนึ่ง หรือตำบล หรือบางส่วนของอำเภอหนึ่ง เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงรายที่มี 3 อำเภอที่เกี่ยวข้อง (https://bit.ly/2BYWCAa) ไม่ใช่เลอะเปรอะเปื้อนลามไปถึง 3 จังหวัด (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง) แบบอีอีซี และสามารถประกาศเป็น 6-7 จังหวัด (สระแก้ว ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด หรืออาจรวมถึงนครนายกด้วย) แค่ 3 จังหวัดก็ถือว่าเป็นภูมิภาคไปแล้ว ไม่ใช่เขตเศรษฐกิจพิเศษอะไร

เราคงยังจำได้ว่าไม่กี่เดือนมานี้มีการเดินขบวนของประชาชนเวียดนามทั้งในฮานอย โฮจิมินห์ซิตี้ และอื่นๆ ต่อต้านการที่รัฐบาลเวียดนามจะประกาศให้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 แห่ง โดยแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนจีน แต่สำหรับในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ก็เพิ่งมีข่าวว่า “ครม.คลอดผังเมืองใหม่อีอีซี แบ่งพื้นที่ 4 ประเภท พร้อมยกเลิกผังเมืองเดิม” (https://bit.ly/2Y4qowl) ในด้านหนึ่งก็มีข่าว “ซีพี” กว้านที่นา 2 อำเภอ ขึ้นเมืองใหม่ “แปดริ้ว” (https://bit.ly/2NQlb6v) ระบุว่า “ปิดพิกัดที่ดินหมื่นไร่ “เจ้าสัวซีพี” ผุดสมาร์ทซิตี้ระหว่างบ้านโพธิ์ไปแปลงยาว อีกจุดสถานีจอมเทียนเตรียมขึ้นเมืองมิกซ์ยูส ด้าน “สุรพงษ์” มือขวา “คีรี” ระบุไร้ปัญหามาก ปตท. วิ่งซบซีพี มั่นใจชนะประมูล…เป้าหมายประมาณ 10,000 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นเมืองใหม่และนิคมอุตสาหกรรม ทำเลตั้งอยู่ระหว่าง อ.บ้านโพธิ์ ไปทาง อ.แปลงยาว ห่างจากสถานีรถไฟความเร็วสูงประมาณ 20 กิโลเมตร ล่าสุดได้ซื้อที่ดินซึ่งเป็นที่นาจากชาวบ้านแล้วบางส่วน ราคาเฉลี่ย 1 ล้านบาทต้นๆต่อไร่ และแปลงด้านในต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งที่ตั้งของแปลงที่ดินสามารถเชื่อมระหว่างเมืองอีอีซีทั้งไปทาง จ.ชลบุรี ระยอง และเข้า อ.แปลงยาว เขตที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมได้สะดวก”

นี่คงให้คำตอบว่าทำไมจึงไม่มีการวางผังเมืองล่วงหน้า ทำไมจนป่านนี้ผังเมืองยังไม่เกิด ก็เพราะพวก “เจ้าสัว” ยังรวบรวมที่ดินไม่เสร็จ ขืนออกผังเมืองออกมาให้เป็นพื้นที่สงวนเพื่อเกษตรกรรม เหล่า “เจ้าสัว” ก็เจ๊งนั่นเอง ปกติแล้วในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหลายเขากำหนดเป็นเขตเล็กๆคล้ายกับเมืองใหม่หรือนิคมอุตสาหกรรม แต่นี่เรากำหนดทั้ง 3 จังหวัด และสามารถขยายได้ทั้ง 6-7 จังหวัดในภาคตะวันออกโดยไม่ต้องออกพระราชบัญญัติใหม่ และยังอาจลามไปทั่วประเทศ

ถ้าคิดให้ดีจะมีความต้องการเมืองใหม่หรือ ตามแผนคร่าวๆในอีอีซีระบุว่า จะมีเมืองใหม่ ฉะเชิงเทรา พัทยา และระยอง ซึ่งเมืองใหม่ฉะเชิงเทราก็กำลังจะได้รับการปั้นโดยกลุ่มเจ้าสัว ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ ในเมืองใหม่เหล่านี้ต่อไปมหาอำนาจทั้งหลายโดยเฉพาะจีนจะสามารถมาซื้อได้ทั้ง 100% ภาษีก็ไม่ต้องเสีย (แต่คนไทยในพื้นที่อื่นทั่วประเทศต้องเสียภาษี) ต่อไปก็ใช้เงินตราต่างประเทศได้โดยใช้เงินบาทแค่เศษเงินทอนแบบในกัมพูชา ต่อไปจึงถือว่ามีเขตเช่าอาณานิคมจีนบนแผ่นดินไทยแน่นอน

ในนานาอารยประเทศการวางผังเขตเศรษฐกิจพิเศษรัฐบาลควรกำหนดไว้เลยว่าตรงไหนจะทำอะไร เพื่อให้เกิดการประสานสัมพันธ์กับแผนและผังอื่นๆ การจะเวนคืนที่นับหมื่นนับแสนไร่ก็จะต้องมีการจ่ายค่าทดแทนที่เป็นธรรมตามมาตรฐานสากล ที่เวนคืนตรงไหนจะนำมาทำอะไร โดยในบริเวณนั้นๆก็จะต้องจัดให้มีการประมูลเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ไม่ใช่ปล่อยให้ “เจ้าสัว” ไปกว้านซื้อตามชอบใจแล้วค่อยมาบรรจุลงไปในแผน อย่างนี้จะเป็นการเอื้อนายทุน เอื้อต่างชาติ โดยคนไทยแทบไม่ได้อะไรหรือไม่

ส่วนในกรณีสถานีรถไฟความเร็วปานกลาง ฉะเชิงเทราต้องสร้างสถานีใหม่เพราะเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง เป็นสิ่งที่ “ไร้เหตุผลสิ้นดี” เพราะในญี่ปุ่นเขาทำให้รถไฟฟ้าความเร็วสูงวิ่งโค้งเข้าเมืองได้ ดูจากประสบการณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่เขาพัฒนา “ชินกันเซ็น” ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูง (มาก) ก็ยังสามารถเลี้ยวโค้งตอนเข้าเมืองเลย และยังสามารถตีโค้งไปมาทะลุระหว่างภูเขาโดยไม่ต้องสร้างเป็นเส้นตรงก็ได้

จากประสบการณ์ของญี่ปุ่นนี้จึงชี้ให้เห็นว่าการสร้างรถไฟความเร็วสูงด้วยการเวนคืนที่ดินสร้างสถานีและเส้นทางใหม่เช่นที่จะเกิดขึ้นในกรณีฉะเชิงเทราหรือเมืองอื่นในอนาคตนั้น เป็นแนวคิดที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติในระยะยาว รถไฟเชื่อม 3 สนามบินของไทยที่วิ่งด้วยความเร็ว 160-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (https://bit.ly/2qQEzVG) จึงไม่มีความจำเป็นต้องสร้างสถานีใหม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณแต่อย่างใด

รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน มีไปทำไม ทำไมต้องเชื่อม นาริตะกับฮาเดนะต้องเชื่อมหรือไม่ สนามบินในนิวยอร์ก 3 แห่งคือ นิวยอร์ก เนวาร์ค (EWR) นิวยอร์ก จอห์น เอฟ เคนเนดี้ (JFK) และนิวยอร์ก ลา การ์เดีย (LGA) มีรถไฟฟ้าเฉพาะไว้เชื่อมโดยตรงหรือ แต่เดิมเราจะสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพมหานคร-ระยอง ทำไมเหลือแค่สนามบินอู่ตะเภา ควรไปที่ระยองมากกว่าไหม

โดยสรุปแล้วการส่งเสริมการลงทุนไม่จำเป็นต้องให้ต่างชาติมากขนาดนี้ ในขณะนี้การลงทุนข้ามชาติในอาเซียนเรียงตามลำดับแล้วไทยอยู่อันดับ 5 อันดับแรกๆ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยประเทศเหล่านี้ไม่ต้องประเคนเช่นอีอีซีเลย อีอีซีจึงเป็นการส่งเสริมให้ต่างชาติมา “ยึด” ประเทศไทย มาช่วงชิงทรัพยากร แย่งงานคนไทย และทำให้คนไทยยากจนลง ไม่ได้ทำให้ไทยร่ำรวยขึ้นดังคำโฆษณาชวนเชื่อ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบหากบริหารจนประเทศชาติเสียหายเช่นนี้


You must be logged in to post a comment Login