วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

On November 22, 2019

คอลัมน์ : พบหมอศิริราช

ผู้เขียน : ผศ.พญ.สายชล ว่องตระกูล

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  22-29 พฤศจิกายน 2562)

เคยหรือไม่เมื่อตื่นนอนในตอนเช้าและก้าวเท้าลงพื้นจะเกิดอาการปวดบริเวณฝ่าเท้าและส้นเท้า ถ้าเคย นั่นหมายถึงคุณอาจเริ่มเป็นโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบแล้ว… เอ็นฝ่าเท้าอักเสบหรือที่เรียกกันว่า “รองช้ำ” เกิดขึ้นเนื่องจากมีการบาดเจ็บหรืออักเสบของเอ็นฝ่าเท้าบริเวณที่เกาะกับกระดูกส้นเท้า

เอ็นฝ่าเท้าจะยึดจากกระดูกส้นเท้าไปยังนิ้วเท้า ทำหน้าที่ช่วยรักษารูปทรงของเท้า และยังทำหน้าที่เหมือนสปริง เพื่อช่วยลดแรงกระแทกเมื่อเดินหรือวิ่ง

อาการของโรค

ผู้ที่เป็นโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบจะมีอาการปวดและกดเจ็บบริเวณส้นเท้า ในระยะแรกอาจเกิดอาการภายหลังการออกกำลังกาย เดิน หรือยืนนานๆ แต่ถ้าอาการมากขึ้นผู้ป่วยจะรู้สึกปวดส้นเท้าอยู่ตลอดเวลา ลักษณะเฉพาะของโรคนี้คือ เมื่อลุกขึ้นเดิน 2-3 ก้าวแรกหลังจากตื่นนอนในตอนเช้า หรือหลังจากนั่งพักขาเป็นเวลานาน จะรู้สึกเจ็บบริเวณส้นเท้า เนื่องจากเกิดการกระชากของเอ็นฝ่าเท้าที่อักเสบอย่างทันทีทันใด แต่เมื่อเดินไประยะหนึ่ง เอ็นฝ่าเท้าจะค่อยๆยืดหยุ่นขึ้น อาการเจ็บส้นเท้าจึงค่อยๆทุเลาลง

แม้จะเป็นๆ หายๆ แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่ดีแน่ เพราะ…

อาการเจ็บปวดส้นเท้าเรื้อรังจะส่งผลกระทบอย่างมากกับการทำกิจวัตรประจำวันและการทำงาน เนื่องจากผู้ป่วยจะเกิดความเครียด วิตกกังวล และอาจมีหินปูนเกิดขึ้นบริเวณกระดูกส้นเท้าที่เอ็นฝ่าเท้ายึดเกาะอยู่ นอกจากนี้อาจทำให้เกิดอาการปวดข้อเท้า/ ปวดเกร็งและตึงกล้ามเนื้อน่องและเอ็นร้อยหวาย เนื่องจากจังหวะการเดินหรือลงน้ำหนักที่ผิดปกติไปจากอาการเจ็บส้นเท้า

ใครบ้างเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้

– ผู้หญิง เนื่องจากไขมันส้นเท้าจะบางกว่า เอ็นและกล้ามเนื้อของน่องและฝ่าเท้าไม่แข็งแรงเท่าผู้ชาย

– ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน

– อายุมากขึ้น เนื่องจากไขมันบริเวณส้นเท้าจะบางลง ทำให้จุดเกาะของเอ็นฝ่าเท้าบริเวณกระดูกส้นเท้าได้รับแรงกระแทกมากขึ้น

– ผู้ที่ทำงานที่ต้องยืนหรือเดินนานๆบนพื้นแข็งหรือขรุขระ

– ผู้ที่ออกกำลังกายที่หนักเกินไปหรือไม่ได้ยืดกล้ามเนื้อน่องหรือเอ็นร้อยหวาย

– มีภาวะฝ่าเท้าแบนหรือโก่งโค้งจนเกินไป

– มีความผิดปกติของข้อเท้า ข้อเข่า หรือข้อสะโพก ทำให้การเดินและการลงน้ำหนักผิดไปจากปกติ

– มีการใช้รองเท้าที่ไม่ถูกลักษณะ เช่น พื้นรองเท้าบางและแข็งเกินไป

รักษาอย่างไร…

โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัดเป็นหลัก ประมาณร้อยละ 80-90 ของผู้ป่วยอาการจะดีขึ้น แต่ต้องใช้ความอดทนในการดูแลรักษาตัวเอง (อาจใช้เวลานานถึง 2-6 เดือน) และต้องอาศัยหลายๆวิธีประกอบกันคือ

1.การใช้ยา อาจเป็นยากินเพื่อลดอาการปวดและอักเสบ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นอาจใช้ยาฉีดสเตียรอยด์ฉีดเฉพาะที่เพื่อลดอาการอักเสบ แต่จะจำกัดการใช้เพียง 2-3 ครั้ง

2.การลดหรือแก้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ลดน้ำหนัก ลดการออกกำลังกายที่หนักเกินไป

3.การเปลี่ยนหรือแก้ไขรองเท้าให้ถูกลักษณะขึ้น โดยเลือกรองเท้าที่มีส้นนุ่มๆ หรือใช้แผ่นรองส้นเท้าที่นุ่มๆมาติดเสริมในรองเท้า ผู้ที่มีฝ่าเท้าแบนอาจเลือกใช้แผ่นรองที่บริเวณอุ้งเท้าเพื่อไม่ให้เท้าล้มเวลาเดินลงน้ำหนัก และควรใส่รองเท้าส้นนุ่มๆเดินในบ้านด้วย

4.การทำกายภาพบำบัดด้วยตนเอง ประกอบด้วย

– การประคบร้อนหรือเย็น

– การยืดกล้ามเนื้อน่องและเอ็นฝ่าเท้า โดยในการยืดจะต้องทำค้างไว้ 10 วินาที ทำครั้งละประมาณ 10 ครั้ง ควรทำก่อนลุกขึ้นเดินหลังตื่นนอนและหลายๆครั้งต่อวัน

ในกรณีที่ผู้ป่วยดูแลตนเองอย่างเต็มที่โดยวิธีไม่ผ่าตัดแล้วยังมีอาการของเอ็นฝ่าเท้าอักเสบอยู่ อาจจะต้องผ่าตัด เพื่อเลาะเนื้อเยื่ออักเสบและยืดเอ็นฝ่าเท้า หรือเอาหินปูนที่เกาะบริเวณกระดูกส้นเท้าออก ป้องกันได้โดยเลือกใช้รองเท้าที่ถูกลักษณะ มีตัวรองส้นที่นุ่ม พื้นไม่บางหรือแข็งเกินไป พร้อมแก้ไขหรือลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆข้างต้น

หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษาจนลุกลาม อาจส่งผลร้ายคือ

เกิดการอักเสบของข้อต่อและกล้ามเนื้ออื่นๆในขาเดียวกัน และอาจส่งผลไปถึงกล้ามเนื้อและข้อต่อของสะโพกและบั้นเอวด้วยจากลักษณะการเดินที่ผิดไปจากอาการเจ็บส้นเท้า

การรักษาโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ จะต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ป่วยเป็นหลัก เพราะการใช้ยาเพียงอย่างเดียวไม่ทำให้หายได้ โดยผู้ป่วยต้องลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ แก้ไขรองเท้า และทำกายภาพบำบัดยืดเอ็นฝ่าเท้าและกล้ามเนื้อน่องเป็นประจำ จึงจะทำให้อาการทุเลาได้ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมว่ามีปัญหาอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบถึงแม้จะรักษาจนหายดีแล้วก็อาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีกถ้าไม่แก้ไขหรือลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆค่ะ


You must be logged in to post a comment Login