- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 9 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 9 months ago
- โลกธรรมPosted 9 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 9 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 9 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 9 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 9 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 9 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 9 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 9 months ago
สธ. ชูนโยบาย 3 ด้าน ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จับมือ มูลนิธินมแม่ฯ-สสส. ร่วมผลักดัน สังคมนมแม่ยั่งยืน

สธ. ชูนโยบาย 3 ด้าน ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จับมือ มูลนิธินมแม่ฯ – สสส. ร่วมผลักดัน สังคมนมแม่ยั่งยืน หนุนไทยก้าวข้ามวิกฤติเด็กเกิดน้อย สสส. ชู Support BF Happen & Happy ขับเคลื่อนกฎหมาย-มาตรการ หนุนคนไทยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พร้อมสร้างมุมนมแม่ในสถานประกอบการกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ เสริมทีมหมอ-พยาบาล-อสม. เป็นกองหน้าในชุมชน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ที่ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติ ครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่ 12-14 พฤศจิกายน 2568 โดยมี นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วย แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธินมแม่แห่งประเทศไทย ดร.นายแพทย์ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สสส.) ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมประชุม

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และอัตราการเกิดของเด็กไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การลงทุนในช่วงต้นชีวิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ อีกทั้ง การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วยให้เด็กเติบโตมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง มีพัฒนาการสมวัย และมีพื้นฐานสุขภาพที่ดี กระทรวงสาธารณสุข จึงได้กำหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 3 มิติหลัก ได้แก่ 1) ระบบบริการสุขภาพ พัฒนาโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูก และการดูแลต่อเนื่องจากโรงพยาบาลสู่ชุมชน เสริมพลัง อสม. สู่ผู้ช่วยสาธารณสุข เพื่อสร้างชุมชนนมแม่อย่างยั่งยืน 2) ระบบสังคมและการทำงาน สนับสนุนนโยบาย แม่ทำงานก็ให้นมแม่ได้ สร้างมุมให้นมแม่ในสถานที่ทำงาน และผลักดันการจัดสวัสดิการที่เป็นมิตรต่อแม่และเด็ก และ 3) การสื่อสารและการสร้างค่านิยมสังคม พัฒนาองค์ความรู้ให้ประชาชน เห็นคุณค่าของนมแม่ พร้อมควบคุมการตลาดผลิตภัณฑ์นมดัดแปลงอย่างเข้มแข็งตามกฎหมาย เพราะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่ใช่เพียงทางเลือกของแม่ แต่เป็นความรับผิดชอบของทั้งสังคมที่จะร่วมกันสร้างระบบสนับสนุนที่ยั่งยืน เพื่อให้แม่ทุกคนสามารถให้นมลูกได้อย่างมีความสุข

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า จากผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย (MICS) ปี 2565 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ และองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย พบอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนหลังแรกเกิดของไทยอยู่ที่ 28.6% ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 50% สสส. จึงให้ความสำคัญของการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างรอบด้าน โดยร่วมกับมูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ และภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนด้วย “Support BF Happen & Happy” สนับสนุนการพัฒนาข้อมูลวิชาการ เพื่อใช้ประกอบการขับเคลื่อนนโยบาย เช่น 1.ขับเคลื่อนผลักดันมาตรการลาคลอด 6 เดือน และเวลาพักบีบเก็บนมในช่วงเวลาทำงานที่เป็นมิตรกับครอบครัว 2.ส่งเสริมให้มีระบบสนับสนุนในโรงพยาบาลผ่านคู่มือ “บันได 10 ขั้นสู่ความสำเร็จการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่” 3.สนับสนุนการจัด “มุมนมแม่” ในสถานประกอบการกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ 4.พัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) สนันสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในชุมชน 4.สื่อสารเรื่องประโยชน์ของนมแม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้แม่และครอบครัวตัดสินใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทั้งนี้ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการและศักยภาพของเด็กไทย ส่งผลดีต่อระบบสุขภาพ สังคม และอนาคตของประเทศในระยะยาว

แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธินมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ร่วมกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สสส. และภาคีเครือข่าย เห็นถึงความสำคัญในการที่จะส่งเสริมให้เด็กไทยได้กินนมแม่ จึงจัดการประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติครั้งที่ 9 (Breastfeeding : Make it Happen, Make it Happy) เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขในการยกระดับองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีสำหรับการให้บริการโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูก และสร้างความรอบรู้ให้ประชาชน ในการส่งเสริม สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกพื้นที่ เป็นความท้าทายในการประชุมที่มีองค์ความรู้อะไรใหม่ๆ ที่แลกเปลี่ยนเพื่อช่วยให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ เป้าหมายของการประชุมครั้งนี้ คือ เกิดการขับเคลื่อนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระดับองค์กรและระดับประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. 2565 (MICS 7) พบว่า อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาไทยอย่างเดียว 6 เดือน (EBF rate) เท่ากับร้อยละ 28.6 ซึ่งเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ เด็กไทยอย่างน้อยร้อยละ 50 กรมอนามัย จึงเร่งรณรงค์การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ภายใต้ 3 H คือ Happy Body สุขกายได้ทั้งแม่และลูก การให้นมแม่ช่วยให้แม่ลดการเสียเลือดหลังคลอด มดลูกเข้าอู่เร็ว ลดความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ ลดน้ำหนักหลังคลอด ลดโอกาสเกิดโรค NCDs ส่วนลูกจะเติบโตสมวัยมีภูมิต้านทานโรค ลดความเสี่ยงต่อโรค NCDs และภูมิแพ้ในอนาคต Happy Mind สุขใจใกล้ชิด เพิ่มพลังรักและผูกพัน การให้นมแม่ช่วยกระตุ้นฮอร์โมน “ออกซิโทซิน” ทำให้แม่รู้สึกสงบ ลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ส่งเสริมพัฒนาการสมองของลูก เพิ่มระดับ IQ Happy Money สุขเงิน ประหยัดคุ้มค่าเพื่อครอบครัว ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อนมผสม และยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาเด็กป่วย







You must be logged in to post a comment Login