วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568

แปลงสุขและทุกข์ให้เป็นผลบุญ

On November 21, 2025

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 20 พ.ย.  68)

“พอใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่ได้”  ป้ายคติธรรมบนเขาตังกวน จังหวัดสงขลา สอนศิลปะการใช้ชีวิตให้มีความสุขเมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีหรือได้ไม่เหมือนคนอื่น  ไม่ว่าถ้อยคำนี้จะเป็นของใคร  เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันมาจากคำสอนของศาสนา

มนุษย์ทุกคนต้องการมีความสุขและคนส่วนใหญ่มักคิดว่าทรัพย์สินสามารถซื้อความสุขได้  จึงแสวงหาเงินทองเพื่อซื้อความสุข  แต่ในความเป็นจริง บางคนมีทุกข์ตั้งแต่เริ่มหาเงิน และบางคนได้เงินมาแล้ว เงินกลับไม่สามารถบันดาลความสุขให้ได้  เงินอาจอำนวยความสะดวกสบายภายนอกได้ก็จริง แต่ไม่สามารถทำให้เกิดความสุขทางใจได้อย่างถาวร

หลายคนบากบั่นสะสมทรัพย์สินไว้มากมาย  แต่กลับไม่มีความสุข  บางคนเป็นทุกข์กับทรัพย์สมบัติจนถึงกับบริจาคทรัพย์สินในบั้นปลายชีวิตเพื่อไปแสวงหาความสุขจากการเป็นสมณเพศก็มี

เราปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่ามนุษย์แต่ละคนมีไม่เท่ากัน ถ้าโลกมีแต่คนรวยทั้งหมดก็คงไม่มีใครทำงานเป็นลูกจ้าง และถ้าโลกมีแต่คนจน นายจ้างก็คงไม่มี นอกจากนี้แล้ว มนุษย์ยังได้ไม่เท่ากันด้วย

ถ้าไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี  มนุษย์จะไม่มีวันได้พบความสุข  ดังนั้น คำสอนของทุกศาสนาจะสอนคล้ายๆกันว่าถ้าพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้  แม้จะน้อยนิดเพียงใดก็มีความสุข

ในอิสลามมีคำสอนของนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า “ความร่ำรวยมิได้หมายถึงการมีเงินมากมาย แต่ความร่ำรวยคือความพอใจ”  ทั้งนี้เพราะมนุษย์ไม่ใช่ผู้ให้  แต่เป็นผู้รับต่างหาก  ผู้ให้ที่แท้จริงคือพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของทุกสิ่งและพระเจ้าจะให้ใครมากน้อยเพียงใดก็เป็นสิทธิ์ของพระองค์  ความไม่พอใจในสิ่งที่มีและที่ได้ก็เท่ากับไม่พอใจการให้ของพระเจ้า

นอกเหนือจากทรัพย์ปัจจัยที่มนุษย์อยากมีและอยากได้แล้ว  บางครั้ง  มนุษย์อาจมีและได้สิ่งที่มนุษย์ไม่ต้องการ เช่น  โรคภัยไข้เจ็บและเคราะห์กรรมเพราะมันทำให้เป็นทุกข์  แต่มันก็เกิดขึ้นกับมนุษย์เนื่องจากพระเจ้าสร้างความทุกข์และความสุขมาคู่กัน  ดังนั้น ชีวิตมนุษย์จึงมีทุกข์และสุขคลุกเคล้ากันไป

ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าเมื่อมีความสุขแล้ว มนุษย์จะใช้ความสุขอย่างไรไม่ให้เกิดความทุกข์ตามมา และเมื่อมีทุกข์แล้วจะบริหารชีวิตอย่างไรให้มีความสุขตามอัตภาพแม้จะอยู่บนกองทุกข์ก็ตาม

ในคำสอนของอิสลาม  ทุกสิ่งที่มนุษย์มีและได้รับทั้งดีและร้ายล้วนมาจากพระเจ้า ไม่มีมนุษย์คนใดอยากมีโรคหรือได้รับเคราะห์ร้าย  แต่มันก็เกิดขึ้นกับมนุษย์  ทั้งนี้เพราะมันเป็นประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการจะทดสอบมนุษย์ว่าจะขอบคุณและยอมจำนนต่อพระองค์หรือไม่

ด้วยเหตุนี้  นบีมุฮัมมัดจึงสอนมนุษย์ให้ศรัทธาและยอมรับความประสงค์ของพระเจ้าในทุกสถานการณ์ ไม่เพียงเท่านั้น  ท่านยังสอนวิธีการแปลงสถานการณ์ทั้งดีและร้ายที่เกิดขึ้นกับชีวิตให้เป็นผลบุญโดยการขอบคุณพระเจ้าด้วยการกล่าวคำว่า “อัลฮัมดุลิลลาฮฺ” (การสรรเสริญเป็นของพระเจ้า)

นบีมุฮัมมัดกล่าวว่า  “การงานของผู้ศรัทธานั้นช่างวิเศษเหลือเกิน  การงานทั้งหมดของเขาล้วนดีสำหรับเขา  การงานนี้มิได้มีไว้เพื่อใครนอกจากผู้ศรัทธาเท่านั้น หากมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเขา เขาก็ขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา และหากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับเขา เขาก็อดทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา”

การกล่าวคำ “อัลฮัมดุลิลลาฮฺ” เมื่อได้รับสิ่งดีๆเป็นการขอบคุณและนึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าเพื่อเตือนผู้ศรัทธาให้ระลึกถึงพระองค์และไม่หลงระเริงในสิ่งที่มี  แต่การขอบคุณที่พระเจ้าโปรดปรานมากที่สุดคือการละหมาดซึ่งพระองค์สัญญาไว้ว่าจะเพิ่มพูนปัจจัยให้อีก

ความอดทนคือการยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าโดยไม่ปริปากบ่น  มันเป็นการก้มกราบทางด้านจิตวิญญาณซึ่งได้รับผลบุญเหมือนกับการก้มกราบสักการะพระเจ้าในการละหมาดและพระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะอยู่กับผู้อดทน

การขอบคุณและความอดทนจึงนำผลบุญมาสู่ผู้ศรัทธาในพระเจ้า


You must be logged in to post a comment Login