วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ความศรัทธาสูงค่ากว่าชีวิต

On October 10, 2025

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 10 ต.ค.  68 )

พุทธภาษิตสอนว่า “บุคคลพึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต พึงสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม”

พุทธภาษิตดังกล่าวสอนเราว่าธรรมเป็นสิ่งมีค่ากว่าชีวิต  ถ้า “ธรรมคือความดีและความจริง”  มนุษย์พึงรักษาธรรมไว้ให้คงอยู่ตลอดไปแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

ธรรมสำคัญของศาสนาคริสต์และอิสลามคือความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและการกลับไปหาพระองค์หลังความตาย

อับราฮัมมีความเชื่อมั่นในธรรมข้อนี้ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น  เขายืนยันว่าพระเจ้าที่แท้จริงคือผู้สร้างจักรวาลและผู้วางกฎควบคุมทุกสิ่งในจักรวาล  มิใช่รูปปั้นที่พ่อของเขาสร้างขึ้นมาขายให้คนไปกราบไหว้   ความศรัทธามั่นในเรื่องนี้ทำให้เขาถูกจับไปลงโทษด้วยการเผาทั้งเป็น   แต่พระเจ้าได้คุ้มครองเขาให้รอดพ้นจากการถูกไฟเผาและต่อมาได้กลายเป็นบรรพบุรุษแห่งความศรัทธาของชาวยิว ชาวคริสเตียนและมุสลิม

ลูกหลานของอับราฮัมหลายคนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูตล้วนสอนเรื่องความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวก่อนสอนเรื่องอื่น  ไม่ต่างจากครูที่เริ่มสอนเลข 1 เมื่อเริ่มต้นสอนวิชาคณิตศาสตร์จนไม่มีมนุษย์คนใดไม่รู้จักเลข 1

ธรรมบัญญัติของโมเสสเริ่มต้นด้วยพระเจ้ามีองค์เดียวที่มนุษย์ต้องเคารพสักการะ  แต่หลังสมัยโมเสส  สาวกของเขากลับลืมพระเจ้าที่แท้จริงและหันไปเคารพสักการะสิ่งอื่น  พระเจ้าจึงส่งเยซัสมายืนยันธรรมบัญญัติเดิมของโมเสส   แต่หลังจากสมัยของเยซัสประมาณ 70 ปี  ทฤษฎี “ตรีเอกานุภาพ” ได้ถูกสร้างขึ้นมาแทนความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว

อย่างไรก็ตาม  ยังมีสาวกของเยซัสที่ยังคงรักษาความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวและความเชื่อในโลกหน้าอย่างมั่นคงแม้จะถูกกดขี่ข่มเหงหรือถูกทรมานเพียงใดก็ตาม  ผู้ที่ยอมพลีชีพเพื่อรักษาความศรัทธานี้ในศาสนาคริสต์เรียกว่า “มรณสักขี” (martyr) และได้รับการยกย่องเป็น “บุญราศี”

ในประเทศไทยสมัยสงครามอินโดจีน  ชาวไทยอีสานที่หันมารับนับถือศาสนาคริสต์หลายคนถูกเจ้าหน้าที่รัฐหวาดระแวงที่หันไปนับถือศาสนาของฝรั่งและถูกกดดันให้เปลี่ยนศาสนา  แต่สาวกผู้ศรัทธาไม่ยอม จึงถูกสังหาร  เมื่อความรู้ถึงสำนักวาติกันและมีการสอบสวนจนพบความจริง  สาวกผู้ยอมพลีชีพเพื่อรักษาศาสนาของตนไว้จึงได้รับการยกย่องให้เป็นบุญราศี

หลังสมัยของเยซัส  สาวกของเยซัสส่วนใหญ่หลงออกไปสู่ความเชื่อใน “ตรีเอกานุภาพ” ในขณะที่ผู้คนอีกส่วนหนึ่งในคาบสมุทรอาหรับกราบไหว้บูชารูปปั้นสารพัดรูปร่าง  พระเจ้าจึงส่งนบีมุฮัมมัดมาตามคำวิงวอนของอับราฮัมเพื่อเรียกร้องผู้คนสู่ความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว

การเรียกร้องผู้คนมาสู่ความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวท่ามกลางผู้คนที่เสพติดการกราบไหว้บูชารูปปั้นมาเป็นเวลานานไม่ใช่เรื่องง่าย  เพราะบรรดาผู้นำชาวเมืองและพวกพ่อมดหมอผีที่มีอิทธิพลต่อผู้คนเสียผลประโยชน์  ดังนั้น ใครที่หันมาศรัทธาในพระองค์เดียวจะถูกทรมานเพื่อให้เลิกศรัทธา  แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้คนยอมพลีชีพเพื่อรักษาไว้ซึ่งความศรัทธาของตัวเอง

ในประวัติศาสตร์อิสลามตอนต้น  เมื่อยาซิรฺและสุมัยยะฮฺภรรยาของเขากับอัมมารฺลูกชายหันมาศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว  ทั้งสามคนถูกทรมานเพื่อให้หันมากราบไหว้รูปปั้นในศาสนาเดิม  แต่สองสามีภรรยาไม่ยอม จึงถูกสังหารต่อหน้าอัมมารฺผู้เป็นลูกชาย  ทั้งสองจึงได้รับสถานะ “ชะฮีด” หรือผู้พลีชีพรายแรกเพื่อรักษาความศรัทธาในศาสนาของตนไว้ในประวัติศาสตร์อิสลาม

อัมมารฺรู้ดีว่ารางวัลตอบแทนสำหรับการพลีชีพมีค่าเพียงใด  แต่เขาเชื่อว่าหากเขารักษาชีวิตของตัวเองไว้  เขายังสามารถแพร่ขยายความศรัทธาที่เขามีอยู่ในใจได้  เขาจึงตัดสินใจเลือกทำตามความต้องการของผู้กดขี่โดยที่ใจไม่ยอมรับ  หลังจากนั้น  เขาได้วิ่งไปหานบีมุฮัมมัดพร้อมน้ำตาอาบแก้มเพื่อเล่าเรื่องราวให้ท่านฟัง  ท่านจึงปลอบใจเขาว่าพระเจ้าจะตัดสินสิ่งที่อยู่ในใจของเขาเอง

อัมมารฺเข้าร่วมในการทำสงครามต่อต้านผู้บูชาเจว็ดหลายครั้งในสมัยของนบีมุฮัมมัด    หลังจากนั้น  เขาได้ร่วมทำสงครามอีกหลายครั้งและเสียชีวิตในสนามรบ


You must be logged in to post a comment Login