วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้าไม่ได้ตาย

On October 3, 2025

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 3 ต.ค.  68

ช่วงชีวิตที่สุขสบายที่สุดของมนุษย์คือช่วงเวลาที่อยู่ในครรภ์ของแม่  ในช่วงนี้ มนุษย์ที่อยู่ในสภาพทารกไม่ต้องทำงาน  แต่ได้รับอาหารที่คัดสรรมาอย่างดีแล้วผ่านทางสายสะดือ  แต่ถ้าทารกในครรภ์สามารถมองเห็นโลกนอกครรภ์แม่  ทารกคงอยากคลอดออกมาก่อนกำหนด  แต่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับทารก

โลกนอกครรภ์แม่มีอาหารสารพัดและมีสิ่งสวยงามที่ทารกในครรภ์ไม่เคยเห็นอีกมากมาย  แต่เมื่อคลอดออกมายังโลกนี้แล้ว  หากต้องการสิ่งใด ทารกต้องรอโตก่อนและต้องแสวงหาสิ่งที่ต้องการด้วยตัวเอง  ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่ต้องดิ้นรนเหมือนได้อาหารจากแม่ทางสายสะดือ  การแสวงหาเป็นเรื่องที่ต้องเหนื่อยและเมื่อได้สิ่งที่ตัวเองแสวงหาแล้ว  ยังไม่แน่ว่าตัวเองจะได้รับความสุขหรือไม่

โลกนี้จึงไม่ใช่สถานที่ประกันความสุขที่แท้จริงและยั่งยืน  ถ้าจะกลับไปมีความสุขเหมือนตอนเป็นทารกในครรภ์แม่ก็เป็นไปไม่ได้ และไม่มีใครอยากกินอาหารทางสายยางแทนสายสะดือ  หนทางเดียวที่ชีวิตจะมีความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนก็คือการไปสู่สวรรค์ซึ่งจะต้องผ่านประตูแห่งความตาย

ทุกศาสนาล้วนสอนว่าความตายไม่ใช่จุดสุดท้ายของชีวิต  อิสลามสอนว่า “ทุกชีวิตต้องได้ลิ้มรสความตาย”

ถ้าความตายเป็นรสชาติ  คนที่ไม่เชื่อในโลกหลังความตายจะรู้สึกว่ามันขมและไม่อยากตาย ส่วนคนที่เชื่อว่ามีสวรรค์ในโลกหน้าจะมองว่าความตายเป็นความหวานชื่นของชีวิต  สองคนที่เชื่อต่างกันย่อมมีพฤติกรรมที่ต่างกัน

การมองสิ่งใดไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี  สวรรค์ก็เช่นกัน  แต่ทุกศาสนายืนยันตรงกันหมดว่าสวรรค์มีจริงในโลกหลังความตาย  สวรรค์เป็นสิ่งที่ตาเนื้อมองไม่เห็น  แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาในพระเจ้าและโลกหน้า  ตาใจก็จะมองเห็นสวรรค์เหมือนตาเนื้อที่มองเห็นสิ่งที่จับต้องได้ และการเห็นสวรรค์ด้วยตาใจนี่เองที่ทำให้คนอยากเป็นผู้ที่อิสลามเรียกว่า “ชะฮีด”  หมายถึงเห็นสวรรค์เหมือนเห็นด้วยตาตัวเองและพร้อมที่จะไปสวรรค์แม้ต้องพลีชีพก็ตาม

อิสลามยืนยันว่าความตายมิใช่การดับสูญของชีวิต  ในคัมภีร์กุรอานซึ่งเป็นวจนะของพระเจ้าผู้ให้ชีวิตและความตายและเป็นเจ้าของสวรรค์ได้กล่าวว่า :

“จงอย่าคิดว่าบรรดาผู้ถูกฆ่าในหนทางของพระเจ้านั้นตาย มิใช่เช่นนั้น พวกเขายังมีชีวิตอยู่ และได้รับปัจจัยยังชีพจากพระเจ้า  พวกเขารื่นเริงในสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานความโปรดปรานแก่พวกเขา และพวกเขายินดีที่ได้คิดว่าไม่มีสิ่งใดที่น่ากลัวหรือน่าทุกข์ระทมสำหรับผู้ที่พวกเขาทิ้งไว้ข้างหลังและผู้ที่ยังไม่ได้มาเข้าร่วมกับพวกเขา” (กุรอาน 3:169-170)

ข้อความดังกล่าวข้างต้นยืนยันว่าผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้าไม่ได้ตาย ในอีกข้อความก่อนหน้านี้ยังสั่งห้ามมุสลิมมิให้กล่าวว่าผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้าตายเสียด้วยซ้ำ เพราะมันไม่เป็นความจริงและอาจทำให้คนที่กำลังต่อสู้เสียขวัญ  ในความเป็นจริง  ความตายคือการคลอดใหม่อีกครั้งหนึ่งของมนุษย์จากครรภ์แห่งโลกนี้ไปสู่โลกหน้า แต่เป็นการคลอดทางด้านวิญญาณ  ดังนั้น พวกเขาจึงมีชีวิตอยู่และได้รับปัจจัยจากพระเจ้าเหมือนกับที่ทารกมนุษย์ได้รับเมื่ออยู่ในครรภ์แม่  ไม่เพียงเท่านั้น  คนที่พลีชีพในหนทางของพระเจ้ายังมีความยินดีเสียด้วยซ้ำที่ได้พลีชีพ เพราะพวกเขาไม่ต้องทำงานเช่นเดียวกับเมื่อตอนอยู่ในโลกแห่งครรภ์แม่  แต่ในสวรรค์ยังมีปัจจัยและสิ่งดีงามมากมายที่เขาไม่เคยเห็นขณะอยู่ในโลกนี้

รางวัลตอบแทนสำหรับการพลีชีพทำให้พวกเขามีความรู้สึกอยากจะกลับมาเกิดใหม่บนโลกนี้และพลีชีพอีกเพื่อยืนยันแก่ครอบครัวและเพื่อนพ้องพี่น้องของเขาว่าไม่ต้องห่วง เขามีความสุขจากรางวัลที่พระเจ้าตอบแทนให้หลังการพลีชีพ

ทุกชาติมีหน่วยงานดูแลทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บและสวัสดิการสำหรับครอบครัวของทหารผู้พลีชีพเพื่อชาติ  ในประเทศมุสลิมก็มีหน่วยงานสวัสดิการทหารผ่านศึกเช่นกัน  แต่ผู้ที่จะได้รับรางวัลตอบแทนในโลกหน้าก็คือผู้ศรัทธาในพระเจ้าและในโลกหน้า และเป็นผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้าเท่านั้น


You must be logged in to post a comment Login