วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

ลูกหลานอิสราเอลสังหารศาสนทูต

On July 9, 2021

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 9-16 ก.ค. 64)

หลังจากกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียปลดปล่อยพวกลูกหลานอิสราเอลให้เป็นอิสระจากการตกเป็นทาสของชาติอื่น พวกลูกหลานอิสราเอลได้เดินทางกลับไปยังเมืองเยรูซาเล็มและได้สร้างวิหารขึ้นมาใหม่บนซากของวิหารโซโลมอนที่ถูกทำลายไปโดยกองทัพของอาณาจักรบาบิโลนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากนั้น พวกลูกหลานอิสราเอลได้มอบให้เศคารียาห์(ซะกะรียา)ซึ่งเป็นคนดีมีศีลธรรมเป็นผู้ดูแลวิหาร เช่นการจุดคบไฟให้ความสว่างและรักษาความสะอาดวิหารทั้งภายในและภายนอก

คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าเศคารียาห์หรือซะกะรียาเป็นนบีคนหนึ่งในหมู่ลูกหลานอิสราเอล เขาจึงคอยตักเตือนพวกพ้องของเขามิให้ทำความชั่วและก่อความเสียหาย แม้จะลุถึงวัยชรา แต่คำตักเตือนของเขาก็ไม่เป็นผล  ดังนั้น เขาจึงวิงวอนต่อพระเจ้าให้ประทานบุตรแก่เขาคนหนึ่งเพื่อทำหน้าที่สืบทอดต่อจากเขา

วันหนึ่ง พระเจ้าได้ตอบรับคำวิงวอนของเขาโดยส่งทูตสวรรค์มาแจ้งข่าวดีว่าเขาจะมีลูกชายคนหนึ่งชื่อว่ายะฮ์ยา  แม้จะได้รับข่าวดีเช่นนั้น แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ เขายังสงสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อตัวเขาเองแก่จนกระดูกผุและภรรยาของเขาเป็นหมัน แต่ทูตสวรรค์ยืนยันว่าถ้าพระเจ้าประสงค์สิ่งใด สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เศคารียาห์ก็ได้บุตรที่น่ารักนามว่ายะฮ์ยาสมปรารถนา

นอกจากเป็นผู้ดูแลวิหารแล้ว เศคารียาห์ยังได้รับมอบหมายความรับผิดชอบอีกเรื่องหนึ่งจากบรรดาธรรมาจารย์ผู้รู้คัมภีร์และเรื่องนี้ไม่เคยเป็นที่ปฏิบัติมาก่อน นั่นคือ การให้เด็กสาวบริสุทธิ์คนหนึ่งอาศัยอยู่ในวิหารเพื่ออุทิศตนบำเพ็ญภาวนาต่อพระเจ้าในห้องเล็กๆที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นการเฉพาะ

เด็กสาวคนนี้ชื่อมารีย์ (ในคัมภีร์กุรอานเรียกมัรฺยัม) เธอเป็นลูกสาวของผู้หญิงคนหนึ่งที่บนบานในตอนตั้งครรภ์ว่าจะอุทิศลูกในครรภ์ของนางให้แก่วิหาร  เมื่อนางคลอดลูกออกมาเป็นเพศหญิง นางรู้สึกผิดหวัง แต่เนื่องจากได้บนบานไว้แล้ว นางจึงรบเร้าบรรดาธรรมาจารย์ขอยกลูกสาวให้แก่วิหารตามที่บนบานไว้  แต่เนื่องจากไม่เคยมีประเพณีให้ผู้หญิงเข้าไปอยู่ในวิหาร  ในที่สุด ลูกสาวของนางก็ได้รับอนุญาตโดยอยู่ภายใต้การดูแลของเศคารียาห์ผู้เป็นลุง

คัมภีร์กุรอานเล่าว่า เมื่อเศคารียาห์นำอาหารไปให้มารีย์หลานสาวในฤดูร้อน เขาสังเกตเห็นผลไม้ฤดูหนาววางอยู่ต่อหน้าเธอ และเมื่อฤดูหนาวมาถึง จะมีผลไม้ฤดูร้อนให้เธอได้กิน เศคารียาห์ถามเธอด้วยความสงสัยว่าผลไม้เหล่านี้มาจากไหน เธอตอบว่ามันมาจากพระเจ้าผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพ

มารีย์หญิงสาวผู้บริสุทธิ์คนนี้ต่อมาได้เป็นแม่ของพระเยซูหรือนบีอีซาและเธอต้องได้รับความเจ็บปวดทางจิตใจเป็นอย่างมากเมื่อพระเจ้าได้ใช้อำนาจพิเศษทำให้เธอตั้งครรภ์และคลอดพระเยซูออกมาโดยที่ไม่มีชายใดเคยแตะต้องตัวเธอมาก่อน

เรื่องราวตรงนี้ทำให้เห็นว่าเศคารียาห์ ยะฮ์ยา(ยอห์นแบพติสต์)และพระเยซูเป็นศาสนทูต(นบี)ของพระเจ้าร่วมสมัยเดียวกัน

ยะฮ์ยาเป็นเด็กรักธรรมชาติและสัตว์  เขาเติบโตเป็นคนดีและทำหน้าที่ตักเตือนผู้คนให้ทำความดีและห้ามปรามคนชั่วสมดังที่เศคารียหาห์พ่อของเขาตั้งใจไว้ และวันหนึ่ง เมื่อเขาทำหน้าที่เตือนคนมิให้ทำผิด แต่คนที่เขาเตือนนั้นเป็นผู้มีอำนาจ  ยะฮ์ยาจึงต้องจบการทำหน้าที่ของเขาพร้อมกับชีวิตที่ถูกปลิดทิ้ง

คัมภีร์กุรอานไม่ได้เล่าว่าเศคาริยาห์และยะฮ์ยาถูกสังหารอย่างไร เพียงแต่บอกว่าพวกลูกหลานอิสราเอลได้สังหารนบีหรือผู้มาตักเตือนพวกเขาไปหลายคน แต่เรื่องราวการสังหารนบีสองพ่อลูกนี้มีอยู่ในคำบอกเล่าของชาวคริสเตียน

เรื่องที่นำไปสู่การจบชีวิตของยะฮ์ยาก็คือเขาคัดค้านการแต่งงานของเฮโรด แอนติพาส ผู้ปกครองปาเลสไตน์ที่หลงรักซาโลเมลูกสาวน้องชายตัวเองและเตรียมจะแต่งงานกันเธอ แต่ยะฮ์ยาได้คัดค้านเพราะการแต่งงานเช่นนี้ไม่ถูกต้องตามคัมภีร์  แต่แม่ของซาโลเมอยากที่จะให้ลูกสาวของตัวเองได้แต่งงานกับลุง

วันหนึ่ง  ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในวัง ซาโลเมได้เต้นรำเป็นที่พอใจของเฮโรด เขาจึงเรียกเธอเข้าไปและถามว่าอยากได้อะไรเป็นรางวัล เธอจึงได้โอกาสบอกลุงว่าเธออยากได้หัวของยะฮ์ยา  ด้วยความหลงเสน่ห์ในตัวหลานสาว วันรุ่งขึ้น ยะฮ์ยาก็ถูกตัดหัวนำมาเป็นของขวัญให้เธอ

การสูญเสียยะฮ์ยาลูกรัก ทำให้เศคารียาห์ไม่พอใจและประณามการกระทำดังกล่าว คำบอกเล่าของชาวคริสเตียนเล่า คนที่ไม่พอใจได้ออกไล่เศคารียาห์จนเขาต้องไปแอบซ่อนในต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่เปิดรับให้เขาเข้าไปซ่อนตัว แต่เพราะมีบางสิ่งปรากฏออกมาให้เห็นจากต้นไม้  ผู้ตามล่าเขาจึงใช้เลื่อยตัดต้นไม้นั้นเป็นสองท่อนพร้อมกับร่างของเศคาริยาห์


You must be logged in to post a comment Login