วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567

อาการคัดจมูกและมีน้ำมูกในโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้

On May 7, 2021

คอลัมน์ : เปิดโลกสุขภาพ

ผู้เขียน : นพ.ขจร เสรีศิริขจร แพทย์เฉพาะทางด้านหู คอ จมูก

โรงพยาบาล พญาไท 1

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 7 -14 พ.ค. 64)

ผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ มักมีอาการคัดจมูกและมีน้ำมูก ร่วมกับอาการคันและจาม ซึ่งการรักษาขั้นต้นจะเป็นการรักษาด้วยยา ไม่ว่าจะเป็นยารับประทานแก้แพ้ ยาหดหลอดเลือดเพื่อแก้คัดจมูก ยาพ่นจมูกที่มีสเตียรอยด์เป็นส่วนประกอบ และการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ แต่ก็จะมีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่ยังคงมีอาการคัดจมูกและมีน้ำมูกทั้งที่ได้รับการรักษาด้วยยาอย่างเต็มที่ ซึ่งทางเลือกในการรักษาขั้นต่อไปจะเป็นการผ่าตัด หรือการรักษาด้วยวัคซีน (อิมมูนบำบัด) แต่การรักษาด้วยวัคซีนจะใช้เวลานานกว่าจะเริ่มเห็นผล คือต้องรักษาไปประมาณ 6 เดือน และรักษาต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี แต่การรักษาด้วยการผ่าตัดจะให้ผลในการลดอาการที่รวดเร็วกว่า

การรักษาอาการคัดจมูกและมีน้ำมูกในโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ด้วยการผ่าตัด

ในการรักษาอาการคัดจมูกและมีน้ำมูกในโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ด้วยการผ่าตัดนั้นมีหลากหลายวิธี แต่วิธีที่เป็นที่นิยมและทำกันแพร่หลายคือ การรักษาอาการคัดจมูกและมีน้ำมูกในโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency volumetric tissue reduction: RFVTR) โดยคลื่นวิทยุจะทำให้เกิดการสูญเสียสภาพและการยุบตัวของเนื้อเยื่อ หลังจากนั้นจะเกิดเนื้อเยื่อพังผืดหดตัว ทำให้ขนาดของผนังข้างจมูกมีขนาดลดลง แต่จะไม่สามารถแก้ไขอาการคัดจมูกจากกระดูกข้างจมูกโตได้ นอกจากนี้คลื่นวิทยุอาจทำให้เกิดการสูญเสียสภาพของต่อมสร้างมูกทำให้น้ำมูกลดลง แต่อาการน้ำมูกเรื้อรังไม่ใช่ข้อบ่งชี้หลักในการทำ ซึ่งการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุจะทำให้หายใจผ่านจมูกโล่งขึ้น และคงผลการรักษาได้ประมาณ 1-2 ปี แล้วอาการต่างๆ จะกลับเป็นซ้ำได้ใหม่

นพ.ขจร เสรีศิริขจร

การรักษาอาการคัดจมูกและมีน้ำมูกในโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ด้วยการปรับสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติ

ในขณะที่การรักษาอาการคัดจมูกและมีน้ำมูกในโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ด้วยการปรับสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติ สามารถรักษาอาการคัดจมูกและน้ำมูกในโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ได้อย่างถาวร โดยการรักษานี้จะทำการผ่าตัดผ่านการส่องกล้องด้วยวิธีดมยาสลบ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด

การผ่าตัดจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ การลดขนาดผนังและกระดูกข้างจมูก และการปรับสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติที่เป็นสาเหตุโดยตรง โดยการลดความไวของเส้นประสาทซึ่งเป็นประสาทที่กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายตัวจนผนังข้างจมูกบวมโต และกระตุ้นการหลั่งน้ำมูก

การปรับสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติสามารถทำได้หลายวิธีและหลายเส้นประสาท แต่วิธีการทำร่วมกับการลดขนาดผนังและกระดูกข้างจมูกจะทำให้สามารถแก้ได้ทั้งอาการคัดจมูกและน้ำมูกเรื้อรัง และการลดความไวของเส้นประสาทที่มาเลี้ยงผนังข้างจมูกจะจำเพาะต่ออาการน้ำมูกเรื้อรังมาก การลดความไวต่อเส้นประสาทเส้นนี้จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียง ตาแห้งและชาบริเวณเพดานปาก

การรักษาอาการคัดจมูกและมีน้ำมูกด้วยการปรับสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติ

เหมาะกับผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบเรื้อรัง ทั้งจากภูมิแพ้และไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้ที่ยังคงมีอาการคัดจมูกและมีน้ำมูกเรื้อรัง ทั้งๆ ที่ได้รับการรักษาด้วยยาอย่างเต็มที่แล้ว หรือผู้ป่วยที่ไม่อยากใช้ยาไปตลอดชีวิต

ผู้ป่วยที่จะเข้ารับการผ่าตัดจะเตรียมตัวเหมือนการผ่าตัดส่องกล้องไซนัสปกติ และนอนโรงพยาบาลหลังผ่าตัดเพียง 1 คืน ก็สามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ผลการรักษาจะทำให้อาการคัดจมูกและน้ำมูกเรื้อรังดีขึ้นทันที และจะดีขึ้นมากใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้หลังผ่าตัดจะมีสะเก็ดแผลเพียงเล็กน้อยที่ไม่มีผลข้างเคียง จึงทำให้การหายใจผ่านจมูกโล่งขึ้น น้ำมูกลดลงอย่างมาก คนไข้จะลดการใช้ยาลงได้ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นในระยะยาว


You must be logged in to post a comment Login