วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

พยุงจิตกล้าหาญสู้ปัญหา

On April 12, 2021

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  12 เม.ย. 64)

เร็วๆนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ได้ประทานพระคติธรรม เป็นกำลังใจในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ความว่า  

ไม่มีชีวิตใดประสบแต่ความเกษมสุข ปราศจากทุกข์ภัยไปได้ตลอด เมื่อเกิดมาแล้ว จึงจำเป็นต้องขวนขวายสั่งสม “สติ” และ “ปัญญา” สำหรับเป็นอุปกรณ์บำบัดความทุกข์อยู่ทุกเมื่อ เพื่อให้สมกับที่ดำรงอัตภาพแห่งมนุษย์ผู้มีศักยภาพต่อการพัฒนา 

ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดซึ่งก่อให้เกิดความหวาดหวั่นครั่นคร้ามกันทั่วหน้า ทุกคนมีหน้าที่แสวงหาหนทางเพิ่มพูน “สติ” และ “ปัญญา” พร้อมทั้งแบ่งปันหยิบยื่นให้แก่เพื่อนร่วมสังคม อย่าปล่อยให้ความกลัวภัยและความหดหู่ท้อถอย คุกคามเข้าบั่นทอนความเข้มแข็งของจิตใจ ในอันที่จะอดทน พากเพียร เสียสละ และสามัคคี 

มีธรรมภาษิตบทหนึ่งในพระพุทธศาสนา พึงน้อมนำมาเตือนใจในยามนี้ ว่า “เมื่อถึงยามคับขันประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ, เมื่อถึงคราวปรึกษางาน ต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม, ยามมีข้าวน้ำ ต้องการผู้เป็นที่รัก, ยามเกิดปัญหา ต้องการบัณฑิต” 

ขอทุกท่านจงเป็น “ผู้กล้าหาญ” ที่จะละความดื้อด้านเห็นแก่ตัว ความเคยตัว และความไม่ระมัดระวังตัว ขอจงเป็น “ผู้ที่ไม่พูดพล่าม” โดยปราศจากสาระ ก่อความร้าวฉานชิงชัง ในยามที่สังคมต้องการสาระ คำปรึกษาหารือ และกำลังใจ แต่จงประพฤติตนเป็น “บัณฑิต” ผู้รู้รักษากายใจของตัวให้ปลอดจากโรคกายโรคใจ เป็นผู้ฉลาดศึกษา ค้นคว้า วางแผน ชี้แนะ และลงมือทำ 

ทั้งนี้ ถ้าแต่ละคนแม้เพียงตั้งจิตไว้ในธรรมฝ่ายสุจริต ไม่ถลำลงสู่ความคิดชั่ว อันนำไปสู่การพูดชั่วและทำชั่วซ้ำเติม ก็นับว่า ได้ช่วยบรรเทาปัญหาของโลกแล้ว และยิ่งหากท่านมีดวงจิตผ่องแผ้วด้วยเมตตาการุณยธรรม นำความปรารถนาดีเผื่อแผ่ไปสู่ทุกชีวิตอย่างเสมอหน้า ความทุกข์ยากที่เราทั้งหลายต่างเผชิญ ย่อมจะคลี่คลายได้ในไม่ช้า 

พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ทรงรู้ธรรมอันประเสริฐ ประทานธรรมอันประเสริฐ ทรงนำมาซึ่งธรรมอันประเสริฐ เป็นผู้ยอดเยี่ยม ได้ทรงแสดงธรรมอันประเสริฐ แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน เทอญ.” 

ต้องเรียกว่า พระคติธรรมของสมเด็จพระสังฆราช ทรงสอนให้มีความกล้าหาญที่จะเผชิญกับปัญหา และร่วมแรง ร่วมใจกัน คิดอ่านทำในสิ่งที่มันไม่ปล่อยให้จิตตกลงไปในบาปและอกุศลมากไปกว่านี้ และที่สำคัญไม่อยากให้เห็นคนไทยจิตตก หรือที่เรียกกันว่า การ์ดตก 

โดยเฉพาะการ์ดตกเรื่องอบายมุข นี่เป็นปัญหาใหญ่ เราถึงเห็นการเกิดคนที่ไม่กล้าที่จะลด ละ งด ที่จะอยู่อย่างสงบ ไม่กล้าที่จะปลีกตัวออกจากความวิตก กังวล ไม่กล้าที่จะอยู่อย่างสงบ ระงับ มีแต่ทะเยอทะยาน อยากเที่ยว อยากเตร่ สนุกสนาน ตอนนี้ทุกคนต้องกล้าที่จะเสียสละบางอย่าง บางเรื่อง โดยเฉพาะสละความเป็นคนเจ้าสำราญ เอาแต่ความสนุกสนาน ใช้เงิน ใช้ทอง เอาไปในเรื่องความสนุกสนาน  

เรียกว่า ไม่คิดเอามารวมตัวกันทำอะไรต่างๆ เดี๋ยวนี้เขามีคิดที่จะทำเรื่องการแพทย์ให้มีความโดดเด่น แก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคมอะไรต่างๆ เอาโน้น เอานี่มาแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจกัน ทั้งมีภาคเกษตร มีวิดีทัศน์อะไรต่างๆ ช่วงนี้มันต้องระดมความคิดขจัดความวิตกกังวล หวาดกลัว เอามาเป็นพลังเสริมกำลังใจให้มีคนใจเด็ด อย่างตอนเกาหลีเขาปลุกระดมคนในชาติเขาวลีหนึ่ง ความสำเร็จย่อมบำเรอแก่คนใจเด็ด 

คนใจเด็ด ก็คือ คนไม่ประมาท ไม่ชะล่าใจ ไม่คิดว่า เราชนะๆ แล้วไม่รู้จักสิ่งที่ตรงกันข้ามกับชนะ คือ หายนะ ในชัยชนะ เถลิง ประมาท ชะล่าใจ มันก็อาจเป็นหายนะได้ เพราะฉะนั้น สำคัญที่สุดอย่าให้จิตตกไปอยู่ใต้อำนาจของความคิดชั่ว ทำบาป ทำกรรม เอารัด เอาเปรียบกันในช่วงที่มันวิกฤต ฉวยโอกาส เอารัดเอาเปรียบ อันนี้กลับเป็นเรื่องที่ถ้าเกิดภัยพิบัติหนักขึ้นมาอีก ถ้าพอคนตกอับ อับจน ผู้หญิงก็จะขายตัว ผู้ชายก็จะขายยาอะไรขึ้นมา มันจะยุ่งกันใหญ่ 

ดังนั้น อาตมา ก็ขอให้มีสติยั่งคิดกันให้ดี อย่าทำอะไรโง่ๆ เหมือนคนที่ไปยิงคนตาย 2 ศพ โดยที่เขาไม่ได้รู้เรื่อง รู้ราวเลย ไม่ใช้คู่กรณี ไม่ใช่คู่อริ มันเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล ไม่มีสติปัญญาที่จะพูดจา ปากก็ดีน่ะ ทำไมไม่พูดกันดีๆ แต่เอาเข้าจริงตัวเองไม่ยอมพูดดี และไม่ยอมพูด ลงมือยิงเลยอะไรทำนองนี้ เพราะฉะนั้น คนเราพูดแต่ปากอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องมีการกระทำที่บ่งชัดว่า เราจะต้องไม่ขวัญเสียก็ไม่ขวัญเสีย เราไม่ปล่อยให้จิตตกต่ำ เราก็ต้องไม่ปล่อย  

นี่ปล่อยให้จิตตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส ผู้หลัก ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ไม่ได้ที่จะประคับ ประคองคุณธรรมขึ้นมาสู้ปัญหา กลับมีแต่เรื่องพูดจาเอาตัวรอดไปวันๆ แต่ไม่เอาชาติรอด ได้ปลอดภัย ดังนั้น ต้องคิดว่า ต่อแต่นี้ไป คนไทยต้องร่วมแรง ร่วมใจพยุงจิตที่กล้าหาญขึ้นมาสู้กับปัญหา อย่างอมือ งอเท้า อย่างน้อยๆขยันสู้แดด สู้ฝน สู้ฟ้า อาตมาพยายามปลุกให้คนงานว่า การไปตากแดด ขุดดิน ขุดทราย อย่าให้ร่างกายมันหลบอยู่แต่ในร่ม 

แสงแดดแผดเผาให้เกิดพลังที่จะสร้างความเข้มแข็ง ถ้าหลบอยู่ในแต่ห้อง อากาศก็ไม่ถ่ายเท มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะฉะนั้นอาจหาญสู้งานไว้ ทำงานให้เป็นหลัก แล้วหลับขึ้นมาสู้ต่อ นี่ คือ สิ่งที่อยากจะให้พวกเราเอาหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน ทำมาหากินอย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่นอนท้อแท้ อ่อนแรง เพลีย ถอย ท้อ เอาล่ะ ยามนี้ฮึดสู้ด้วยความทระนง องอาจ อย่าขี้ขลาดหวาดกลัว แล้วอย่ามัวแต่พูดพร่ำ จงทำให้มันเห็นจริง เห็นจังว่า เราไม่หวาดหวั่น  

ถ้าตายก็ต้องตายแบบไม่หวาดหวั่นดีกว่าไม่ตาย แต่นั่งหวาดหวั่นทั้งวัน มันก็แย่ นั่งหมดแรง หมดกำลังใจ ท้อแท้ ยิ่งอยู่เหมือนตายทั้งเป็น เอาให้มันสดชื่นไว้ก่อน ให้เข้มแข็งไว้ก่อน เชื่อเถอะ คนที่มีความเพียร ความพยายาม มันไม่มีอะไรเกินความพยายามของคนได้ เดี๋ยวเขาก็ต้องคิดหาทางแก้ไขกันได้ อย่าไปมัวนั่งอกสั่นขวัญเสียอยู่ 

เจริญพร 


You must be logged in to post a comment Login