วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ละหมาดนั้นสำคัญไฉน

On January 29, 2021

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 29 ม.ค.-5 ก.พ. 64 )

ศาสนาเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าและระหว่างมนุษย์กับสิ่งรอบตัวเขาทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต

เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่ผู้ศรัทธายึดเหนี่ยว  ดังนั้น ทุกศาสนาที่ศรัทธาในพระเจ้าจึงมีพิธีกรรมที่เป็นการแสดงออกถึงการยอมรับอำนาจสูงสุดของพระเจ้า สำหรับอิสลาม การละหมาดเป็นพิธีกรรมที่แสดงออกถึงความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว

การละหมาดเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยของอับราฮัม บรรพบุรุษแห่งความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวร่วมกันของชาวยิว ชาวคริสเตียนและชาวมุสลิม

แต่หลังจากสมัยของอับราฮัม ลูกหลานรุ่นหลังๆของอับราฮัมไม่เพียงแต่ละทิ้งการละหมาดเพื่อแสดงความเคารพสักการะเจ้าองค์เดียวเท่านั้น แต่ยังหันไปกราบไหว้เจว็ดบูชาที่สร้างกันขึ้นมาเองด้วย  ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ส่งนบีคนแล้วคนเล่ามารื้อฟื้นและตักเตือนให้ผู้คนในสมัยของตนหันมาละหมาดเพื่อเป็นการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าที่แท้จริง

ร่องรอยของท่าทางการละหมาดเช่นการยืน การก้มกราบ การโค้ง การยกมือ ตลอดจนการชำระล้างร่างกายบางส่วนก่อนทำการละหมาดยังมีให้เห็นในคัมภีร์ทางศาสนาก่อนหน้าคัมภีร์กุรอาน

หลังสมัยพระเยซูประมาณ 600 ปี รูปแบบและคำอ่านในการละหมาดได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งในสมัยของนบีมุฮัมมัด  และนบีมุฮัมมัดได้นำการละหมาดมาใช้สร้างความแข็งแกร่งให้แก่จิตวิญญาณของสาวกผู้ศรัทธาจนสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมอวิชชาในแผ่นดินอาหรับให้เป็นประชาคมที่ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวในเวลาแค่ 20 ปี

สำหรับนบีมุฮัมมัด การละหมาดไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาและการขอบคุณต่อพระเจ้าเท่านั้น แต่มันยังเป็นพื้นฐานของศาสนา เป็นสิ่งที่จำแนกว่าใครเป็นมุสลิมผู้ศรัทธาและใครที่ไม่ใช่ และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ สิ่งแรกที่พระเจ้าจะสอบถามมนุษย์คือเรื่องละหมาด

 เพื่อให้ผู้ศรัทธาในพระเจ้าสามารถละหมาดได้ครบในทุกสถานการณ์ การละหมาดจึงถูกออกแบบมาให้ปฏิบัติได้ในลักษณะที่ไม่มีใครสามารถอ้างว่าไม่มีเวลาละหมาดหรือไม่สามารถละหมาดได้ แม้จะป่วยอยู่บนเตียง หากยังมีสติสัมปชัญญะจำใครได้ คนป่วยที่ศรัทธาในพระเจ้าก็ต้องละหมาดในสภาพเท่าที่ตนเองสามารถทำได้

ในคัมภีร์กุรอานมีคำสองคำที่น่าสนใจเกี่ยวกับการละหมาด คำหนึ่งมีความหมายบ่งบอกให้มีการจัดตั้งสถาบันละหมาดขึ้นมาและดำรงรักษาสถาบันนี้ไว้ตลอดไป ด้วยเหตุนี้  ถ้ามุสลิมอยู่ร่วมกันเป็นสังคม สมาชิกของสังคมมีหน้าที่ต้องจัดให้มีสถานที่ละหมาด โรงเรียนสอนการละหมาด การประกาศเรียกร้อง(อะซาน)ให้คนมาละหมาดประจำวันห้าเวลา การจัดให้มีอิมามนำละหมาด  การจัดละหมาดรวมในวันสำคัญ เช่น วันศุกร์ และวันเฉลิมฉลองทางศาสนา  สังคมใดไม่จัดเตรียมเรื่องนี้ สมาชิกในสังคมนั้นต้องรับบาปร่วมกันทั้งหมด

ในอีกที่หนึ่ง คัมภีร์กุรอานใช้คำภาษาอาหรับที่สื่อความหมายว่า “ให้ระวังรักษาหรือป้องกัน”การละหมาดมิให้หายไป  เพราะในวันแห่งการฟื้นคืนชีพหลังความตาย พระเจ้าจะสอบสวนมุสลิมผู้ศรัทธาว่าละหมาดครบหรือไม่ หลายคนละหมาดขาดหายไปทั้งๆที่ตัวเองละหมาดครบเพราะละหมาดโดยไม่รู้วัตถุประสงค์ว่า “การละหมาดนั้นจะยับยั้งจากบาปอันชั่วช้าและความลามก”

นบีมุฮัมมัดได้บอกมุสลิมว่าใครที่ดื่มสุราหรือเสพสิ่งมึนเมา พระเจ้าจะไม่รับการละหมาดของคนผู้นั้นเป็นเวลา 40 วัน และใครทำผิดประเวณี  พระเจ้าจะไม่รับการละหมาดของคนผู้นั้นเป็นเวลา 70 วัน

คนทำความชั่วดังกล่าวจึงเท่ากับคนที่ไม่รักษาหรือป้องกันการละหมาดของตน การละหมาดของคนผู้นั้นจึงหายไป  ถ้าทิ้งละหมาดก็ถือว่าเป็นบาปใหญ่และจะทำให้ผู้นั้นสูญเสียความสัมพันธ์กับพระเจ้า ยิ่งใครออกห่างจากพระเจ้า คนผู้นั้นจะหลงลืมพระองค์และจะทำทุกอย่างได้โดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด 


You must be logged in to post a comment Login