วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

สภาพแวดล้อมมีผลกับเด็กอย่างไร

On December 8, 2020

อย่างที่เราเคยได้ยินกันมาตลอดว่า สภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กนั้นจะส่งผลต่อนิสัยและพัฒนาการของเด็กโดยตรง เราจะเห็นได้เลยว่าเด็กที่โตในสถานที่ที่แตกต่างกันจะมีลักษณะอุปนิสัยต่างกันเช่นกัน ซึ่งวิธีง่ายๆที่จะเห็นได้ว่าลูกๆของเรานั้นเจอสิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมแบบไหนนั้น เราอยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเริ่มจาก การปล่อยให้เด็กพูดหรือถามคำถามคุณพ่อคุณแม่ไปเรื่อยๆโดยไม่มีการกำหนดกะเกณฑ์หัวข้อดู จะพบได้เลยว่าคำถามแต่ละคำถามของน้องๆนั้นล้วนแล้วแต่สะท้อนมาจากสิ่งรอบตัวหรือประสบการณ์ที่เขาได้เจอมาแต่ละวัน คำถามหรือการเล่าเรื่องเหล่านี้แหละค่ะที่จะสะท้อนให้เห็นว่าลูกๆของคุณนั้นเจอสิ่งแวดล้อมแบบไหนมา แล้วมันมีผลอย่างไรกับความคิดของเขา แต่ที่สำคัญที่สุดนั้นคือการที่พ่อแม่จะตอบคำถามและสั่งสอนให้ลูกๆได้เห็นว่าอะไรถูกหรือผิด หรือพูดคุยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เขาเจอในวันนั้น อย่างไรก็ตามจงคิดไว้เสมอว่าเราเป็นอย่างไรลูกก็จะเป็นอย่างนั้น หลายครั้งที่ลูกมีพฤติกรรมตามพ่อแม่เพราะเด็กเล็กจะมีการเรียนแบบพฤติกรรมแบบง่ายที่เขาเห็นและเป็นสิ่งใกล้ตัวที่เห็นประจำ อีกสิ่งที่มีผลชัดเจนคือการกระทำของสิ่งแวดล้อมภายในบ้านหรือก็คือพ่อแม่นั้นเอง

จากการศึกษาจะพบว่าเด็กเด็กในวัย 6 ปีแรกนั้น จะมีการซึบซับสิ่งต่างๆรอบตัวได้ง่าย เด็กช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดที่จะกำหนดลักษณะนิสัยพื้นฐานจองเขาเลย เด็กช่วงนี้จะเป็นเหมือนฟองน้ำที่พร้อมซึมซับทุกอย่าง เด็กจะเรื่อมเรียนรู้ เริ่มจินตนาการ เรื่มสร้างตัวตน เริ่มมองโลกรอบตัว เพราะฉะนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่พ่อแม่จะต้องพยายามเลือกสภาพแวดล้อมหรือจัดหาที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และเติบโตอย่างดี เราจะยกตัวอย่างง่ายๆในการสร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กที่พ่อแม่สามารถทำได้ดังนี้

การสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมเพื่อเด็กการเพิ่มพัฒนาการของเด็กในวัยนี้นั้น ปัจจัยสำคัญหลักๆคือสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็ก โดยเราจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ สิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดูและการให้เสรีภาพทางความคิดอย่างมีขอบเขตเล็กน้อย ในโลกของเด็กนั้น พัฒนาการทางการคิดวิเคราะห์หรือแยกยะสิ่งต่างๆนั้นยังมีไม่มากพอ ตัวแปรสำคัญเลยคือ การดูแลและอธิบายสิ่งต่างๆเพื่อให้เด็กเข้าใจ และสงเสริมการคิดวิเคราะห์ถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัว เพื่อพัฒนาทักษะต่างๆ

ให้เด็กมีชีวิตห่างไกลจากทีวี จริงๆแล้วจะเห็นได้ว่าสื่อการเรียนการสอนหรือความร็รอบตัวต่างๆนั้นที่เด็กจะหาได้รวมถึงความบรรเทิงมันมาจากสื่อทางทีวีและอินเตอร์เน็ต แต่เหตุผลที่มีการรณรงค์เกี่ยวกับการให้เด็กอยู่แต่กับหน้าจอipad แลปทอป หรือคอมพิวเตอร์นั้น เป็นผลมาจาก เครื่องมืออิเล็กทรอนิคเหล่านี้ได้เพิ่มระยะห่างระหว่างพ่อแม่และเด็กจึงทำให้เกิดการปิดกันความสัมพันธ์ที่มากขึ้น ดังนั้นการแบ่งเวลาหรือกำหนดขอบเขตการใช้เครื่องมือเหล่านี้ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน

การสร้างสรรค์ด้านดนตรี กีฬา ศิลปะ และธรรมชาติ โดยหลักการทางวิทยาศาสตร์พบว่าเสียงดนตรีนั้นมีผลกับหลายปัจจัยทางอารมณ์ค่อนข้างมาก โดยคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ก็เริ่มใช้ดนตรีเป็นสื่อสัมพันธ์กับตัวเด็กตั้งแต่อยู่ในครรถ์แล้วด้วยซ้ำ และจะเห็นได้ชัดเลยว่าเด็กหลายคนที่ซึมซับดนตรีมาตั้งแต่เด็กนั้นจะมาสภาวะทางอารมณ์ไปในทางที่ดีกว่า ในด้าน กีฬานั้นก็เป็นการเสริมพัฒนาการของเด็กในการวิ่งการเดินการกระโดดหรือก็คือเสริมร่างกายให้เด็กแข็งแรงขึ้นนั้นเอง ในด้านศิลปะจะช่วยในเรื่องการเรียบเรียงเรื่องราวรวมถึงการใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ให้เด็กนั้นเอง และในส่วนของธรรมชาตินั้นจะมีส่วนส่งเสริมเด็กในเรื่องของความละเอียดอ่อน ความเห็นอกเห็นใน ความรัก คำว่าธรรมชาตินั้นไม่ใช่หมายถึงแค่ต้นไม้แต่หมายถึงสัตว์เล็กใหญ่ที่มันจะสอนให้เด็กมีความรักให้แก่สิ่งต่างๆมากขึ้นด้วยเช่นกัน

จากบทความที่กล่าวมาคุณพ่อคุณแม่คงเห็นภาพแล้วว่าสภาพแวดล้อมมีผลกับเด็กเล็กมากขนาดนั้น ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่จะเลือกสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดในกับลูกในวัยนี้ และสภาพแวดล้อมที่เด็กในวัยนี้ใช้เวลาเกือบครึ่งวันอยู่นั้น คือโรงเรียนนั้นเอง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่พ่อแม่จะต้องเห็นสภาพแวดล้อมของโรงเรียนหรือการพูดคุยกับคุณครูเพื่อให้มั่นใจว่าลูกของเรานั้นจะได้คำตอบและการสอนที่ดีเมื่อเจอเหตุการณ์อะไรมา และตัวโรงเรียนนั้น ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียน รัฐบาล เอกชน หรือโรงเรียนนานาชาติ ก็ควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการเรียนรู้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นทั้ง ด้านกีฬา ดนตรี ศิลปะ และธรรมชาติแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาการของเด็กนั้นเอง https://basis.ac.th/

 

 

 


You must be logged in to post a comment Login