วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี

On September 21, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 21 ก.ย. 63)

ช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ก็เชื่อว่า ทุกสายตา ทุกหู คงเฝ้าฟังการเคลื่อนไหวของม็อบ 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร์ ที่สนามหลวง โดยมีการเคลื่อนไหวจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปท้องสนามหลวง เขาเลยเปลี่ยนชื่อจากสนามหลวงเป็นสนามราษฎร์อะไรทำนองนี้ ซึ่งมีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า คงจะกระทบสถาบันบ้างว่า จากของหลวงมาเป็นของราษฏร์ แล้วแต่จะตีโจทย์ ตีความหมาย แต่งานนี้ก็จบลงแบบดีๆ ทุกฝ่ายไม่ใช้หัวร้อนเข้าใส่กันและคงจะดำเนินคดีไปตามโทษเล็กๆน้อยๆไม่ถึงคอขาดบาดตาย แต่บั้นปลายลงอย่างไรเดายาก

ขนาดนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านศึกโชกโชนทางเวทีการเมืองไม่ว่าจะเป็นคุณสุริยะใส กตะศิลา อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ก็ยังมองไม่ออกว่า การเคลื่อนไหวของม็อบนี้จะไปจบลงอย่างไร แต่ว่า น่าจะทำให้รัฐบาลที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ขยาดและได้บทเรียนว่า ทำไปแล้วมีแต่บ้านเมืองเสียหาย และมีแต่จะต้องคอยมานั่งแก้ปัญหากันภายหลัง

แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือว่า ประเทศชาติก็ลำบาก ถึงแม้ว่า จะเจตนาดี หวังดี แต่ว่า เมื่อมีเรื่องขึ้นมาแล้ว มันเสียหายต่อการบริหารประเทศ แต่การเคลื่อนไหวของม็อบครั้งนี้ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงอะไรเกิดขึ้นมา ไม่มีใครไปเป็นมือปลุกปั่นสร้างความรุนแรงทำให้ใครต้องหัวร้างข้างแตก ไม่มีใครเลือดตกยางออก ก็ต้องบอกว่า ยังดี และคงจะเหลืออยู่เรื่องเดียว คือ เรื่องที่จะเคลื่อนไหวในครั้งต่อไปที่ประกาศว่า วันที่ 24 ก.ย.จะไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเพื่อติดตามดูการแก้ไขรัฐธรรมนูญและวันที่ 19 ต.ค.ที่ประกาศให้คนหยุดงาน หยุดเรียน เพื่อทำให้ประเทศเป็นอัมพาต

อย่างไรก็ตามชุนนุมของม็อบครั้งนี้ ก็ต้องบอกว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่มาควบคุมดูแลความสงบก็เย็นขึ้น แม้ฝ่ายม็อบจะฮึกเหมบ้าง แต่ก็ไม่ได้ก้าวร้าวอะไรมากมาย เห็นภาพม็อบเอาคีมตัดเหล็กไป ตัดโซ่ที่คล้องประตูหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ตัดไป แต่ก็คงไม่มีอะไรที่จะบอกกันว่า วินาศสันตะโร หรือถึงขั้นที่เรียกกันว่า ประนีประนอมกันไม่ได้ อยู่กันไม่ได้ ต้องตายกันไปข้างหนึ่งอะไรทำนองนี้ แต่คงไม่ถึงขั้น แต่เชื่อว่า คงจะทำให้ลักษณะที่จะเดือดร้อน อยู่ร้อน นอนทุกข์มันมากกว่านี้

 

ประเทศไทยก็ขออย่าให้มีผีซ้ำด้ามพลอย พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกมากไปกว่านี้เลย ควรที่จะอยู่กันได้แบบชนิดที่ไม่ต้องมาอุทธรณ์ร้อนใจกันในภายหลังมากไปกว่านี้ ควรจะมีวิจารณญาณอย่างที่บอกว่า ถ้าจะรบก็รบกันไปพลาง คว้านิพพานไปพลางบ้าง ไม่ใช่ตกนรกไปพลาง แล้วก็ร้อนรุ้มกลุ้มทุกข์กันอย่างชนิดที่ไม่มีโอกาสที่จะดีกันได้ คนยังไงก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ร่วมกัน อย่าได้ลืมคำว่า “นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ”  สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ขอให้อย่าให้มีความไม่สงบเกิดขึ้นอีกเลย


You must be logged in to post a comment Login