วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

ไม่รู้จัก‘ธรรมสัจจะ’

On April 1, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  1 เม.ย. 63)

พระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา ได้มีคำสั่งให้พระครูวิบูลอาจารพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสามวิหาร พักจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่าวาสุกรีเขต 2 หลังจากเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ปล่อยให้มีการจัดบวชนาคที่วัดสามวิหาร โดยมีการแห่นาครอบอุโบสถ มีแตรวง เครื่องเสียง และผู้ร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวอยู่ในช่วงที่บ้านเมืองกำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

การจัดกิจกรรมในขณะที่บ้านเมืองมีวิกฤตการณ์เช่นนี้เป็นการขัดคำสั่งบ้านเมืองและคำสั่งของคณะสงฆ์ และอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่คณะสงฆ์ ถือเป็นการละเมิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรง ซึ่งต้องมีการสอบสวนต่อไป จึงให้พระครูวิบูลอาจารพิพัฒน์พักจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่าวาสุกรีเขต 2 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 29 มีนาคม 2564

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการฝืนกฎ ฝ่ายปกครองคณะสงฆ์ระดับอำเภอ จังหวัด ต้องมีคำสั่งให้พักการทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์ ภาษาทางราชการเรียกว่าถอนใบอนุญาต ใบประกอบโรคศิลปะ และใบประกอบงาน ทางพระก็มีตราตั้งพระอุปัชฌาย์ เมื่อทำผิดกฎก็ถูกยึด ถูกถอนใบตราตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ถูกพักจากการทำหน้าที่

นี่เป็นรายแรกในวงการสงฆ์หลังจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดในเมืองไทย แม้จะไม่ได้ถูกจับสึก แต่ก็ถูกพักการทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์ จะบวชให้ใครต่อใครไม่ได้จนกว่าคดีจะยุติ เมื่อโรคร้ายหายไปแล้วอาจจะแต่งตั้งกลับมาใหม่ก็ได้ เพราะไม่ได้ขาดจากความเป็นพระ เพียงแต่ไม่ทำตามกฎกติกา

เพราะไม่รู้จักคำว่า “ธรรมสัจจะ” เฉพาะเรื่อง เฉพาะกรณี จึงเกิดเรื่องแบบนี้ ถ้ายังฝืนทำกันแล้วไปติดโรคขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ เมื่อเขาห้ามก็อย่าทำ รอไปอีกสักหน่อยพอโรคมันระงับลงบ้างก็สามารถทำการบวชกันใหม่ก็ได้ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังตึงเครียด เพราะจำนวนคนติดเชื้อ คนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน บางประเทศน่าตกใจตายเป็นหมื่นๆ เราอยากจะเป็นอย่างเขามั้ย ดังนั้น ควรเชื่อฟังกันบ้าง

สถานการณ์วิกฤตตอนนี้วัดต่างๆก็ต้องยอม อย่างที่วัดสวนแก้ว 3 วันแล้วไม่มีคนมาทำบุญสักบาท เพราะชาวบ้านอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหนมาไหน อยู่บ้านเพื่อให้เชื้อมันตายและไม่ระบาด เป็นการช่วยชาติทางหนึ่งแล้วแต่จะร่วมไม้ร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจ ไม่ใช่ไปฝ่าฝืน เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ไปปาร์ตี้ ไปทำอะไรต่อมิอะไรที่รีสอร์ต ค้นที่ตัวมีเงินติดตัวเป็นแสนๆ น่าเสียดายจริงๆเอาเงินไปล้างไปผลาญ อย่างนี้ควรมีโทษหนัก เพราะเขาห้ามชุมนุม

การชุมนุมธรรมดาก็แย่อยู่แล้ว แต่นี่เป็นการชุมนุมแบบไร้ศีลไร้ธรรม ไปมั่วสุม สำส่อน เท่ากับขัดขืน ฝืนคำสั่ง เป็นคนที่ไม่ยอมรับกติกา เงื่อนไข ระเบียบวินัย เอาแต่ใจตัวเอง เอาแต่สนุก ไม่ได้คิดถึงสังคม เขาวางระเบียบแบบแผนออกมาก็ไม่นึกจะรักษา ไม่นึกจะป้องกัน ไม่มีคำว่าเห็นแก่ส่วนรวม เอาแต่ส่วนตัวสนุกสนานกัน พวกรักสนุกก็คงต้องทุกข์ถนัดถ้ายังขืนฝืนกันไม่หยุดไม่ยั้ง บางประเทศมีการลงโทษกันหนัก ลงทัณฑ์กันเอาจริงเอาจังให้คนมันเลิกดื้อ

หลวงพ่อพุทธทาสพูดมานานแล้ว เจอทีไรต้องสอนเด็ก ให้เด็กท่องคำว่า “ไม่ดื้ออย่างเดียว ทุกอย่างดีหมด” เด็กนี่ถ้าไม่ดื้ออย่างเดียวทุกอย่างดีหมด เดี๋ยวนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ก็พลอยดื้อ เรื่องดื้อนี่ถ้าดื้อมากๆมันจะทำจนด้าน ดื้อแล้วทำจนด้านมันก็แก้ยาก ติดเป็นสันดาน เป็นนิสัย แล้วจะเลิกก็ยาก เหมือนคนติดเหล้า ติดสนุกมั่วสุม แล้วก็เลิกไม่ได้ แต่การไม่อดให้ได้มันจะสร้างปัญหาและทุกข์ให้กับเพื่อนร่วมชาติ

เพราะฉะนั้นจะยอมกันไม่ได้ กฎหมายถ้าไม่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าดีกับคนชั่วเกินไป คนชั่วก็จะย่ามใจ ไม่ยอมฟังอะไร จะขัดขืนฝืนร่ำไป แหกกฎกติกา เงื่อนไข เหยียบย่ำระเบียบวินัยแบบแผนจนกระทั่งประเทศยับเยิน เขาคงจะไม่ปล่อยให้ฝ่าฝืนกันต่อไป มันเผาผลาญกันเหลือเกินแล้วไอ้ไวรัสตัวนี้ เผาบ้านเผาเมือง เผาชีวิต เผาความสุขสงบของคนไปมาก

คนเราควรนึกถึงศีลธรรมกันหน่อย ที่เขาจับไปขังก็เพราะไม่อยู่ในกฎหมาย ไม่อยู่ในศีลในธรรมก็ต้องเอาไปอยู่ในคุกตะราง ตายแล้วก็ต้องไปอยู่ในนรกอีก เพราะฉะนั้นตอนนี้อยู่ให้เป็นกันเถอะ อยู่ให้เป็นคืออยู่ในศีลธรรมให้ดี อย่าหาเรื่องแหกคอก นอกระเบียบ เหยียบกฎ พอเอาไปขังคุกก็จะแหกคุกอีก อย่างที่คุกบุรีรัมย์ เขาคงไม่ปล่อยให้พวกนี้ลอยนวลไปสร้างทุกข์สร้างร้อนให้คนอื่นต่อไป อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะต้องคิดหาป้องกันแก้ไข อย่าปล่อยให้เกิดที่โน่นที่นี่อีก ลุกลามเป็นโรคระบาด

คนแหกคอก นอกระเบียบ ถือเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่งที่ประจำสันดานคนบางคน จะต้องแก้ไขกันให้ได้ เพื่อความผาสุกร่มเย็นและความปลอดภัยของคนส่วนใหญ่

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login