วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

‘บิ๊กตู่’สั่งประเมินผลพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้ายังไม่ดีขึ้นปิดระบบขนส่งมวลชนทั้งหมด

On March 31, 2020

วันนี้ ( 31 มีนาคม 2563) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีผ่านมา 7 วันหลังคนกรุงเทพฯ เดินทางกลับภูมิลำเนา และสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จนมีเสียงเรียกร้องให้ห้ามเด็ดขาดในการเคลื่อนย้ายประชาชนข้ามเขตจังหวัด ว่า การที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเป็นมาตรการหนึ่งที่อาจจะมองได้อีกแง่มุมว่า เราได้มีการตรวจสอบคัดกรองมากยิ่งขึ้น ประชาชนที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็มาพบแพทย์มากยิ่งขึ้นและมีโอกาสตรวจพบมากขึ้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องเข้าใจตรงนี้ ขณะที่ใครไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและดูแลตัวเองดีแล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปตรวจเชื้อ ซึ่งขอให้เข้าใจด้วยว่าเราจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมการใช้จ่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอสำหรับผู้ที่ติดเชื้อจริงๆและผู้ที่มีความเสี่ยงจริงๆ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ในส่วนของการปรับมาตรการต่างๆเหล่านี้ได้ให้กระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบตามกฎหมายและกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีอำนาจในการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นการห้ามประชาชนเข้าออกในพื้นที่หรือจังหวัดที่มีตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้น แม้แต่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมาล่วงหน้า รวมถึงการปิดในหลายสถานที่ด้วยกัน ห้ามขายสุรา ห้ามเล่นกีฬาและเด็ดขาดในเรื่องของการพนัน ที่จะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะหนีไปเล่นที่ไหนก็ตาม โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจและทหาร มีการตรวจสอบในเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่

นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาสินค้าที่อาจจะมีราคาสูงขึ้นในช่วงนี้เนื่องจากมีหลายร้านค้าและหลายผู้ประกอบการฉวยโอกาส เรื่องนี้ตนได้สั่งการไปแล้วและขอให้ประชาชนแจ้งมาได้โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำงานตามด่านจุดตรวจจุดสกัดทั้งหมดก็สามารถรับเรื่องร้องเรียนได้ และเข้าตรวจสอบได้ในทันที เพราะมีอำนาจทางกฎหมาย ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมไปถึงเรื่องหนี้นอกระบบที่กำลังแพร่หลายมากขึ้น โดยมองได้ว่าประชาชนมีความเดือดร้อนมาก จึงมีการปล่อยกู้ ดังนั้นต้องทำทีละขั้นทีละตอน โดยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจสกัดทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ให้รับเรื่องมา จากนั้นจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบและดำเนินคดี อย่างไรก็ตามอยากขอร้องว่าในช่วงนี้ ยังไม่ให้มีการผ่อนชำระหรือให้เสียดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด ไม่เช่นนั้นต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกประการอย่างไม่ละเว้น

นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับการเดินทางออกนอกจังหวัดหรือนอกเขต แม้กระทั่งกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้หลายคนก็เป็นห่วงอยากให้มีการสั่งหยุดหรือปิดไปเลย แต่สิ่งเหล่านี้เราต้องดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลายอย่างด้วย โดยเฉพาะในเรื่องการจับจ่ายและซื้อสินค้า ดังนั้นทุกคนต้องระมัดระวังตัวเองด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลเน้นย้ำในเรื่องให้บริการแกร็ปหรือไลน์แมนต่างๆ ที่ต้องมีการตรวจสอบเชื้อไวรัสจากผู้ให้บริการเหล่านี้ด้วยและอย่าไปแออัดที่ร้านค้าก่อนจะรับของไปส่ง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้บริโภค ดังนั้นทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเองและรับผิดชอบผู้อื่นเสมอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการเดินทาง วันนี้ได้ให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณาในกรณีหากยังมีการเคลื่อนย้ายจำนวนมากอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเราเข้าใจถึงความสะดวกแต่บางคนก็ไม่จำเป็นที่ต้องเดินทาง ดังนั้นให้ไปดูว่าการให้บริการขนส่งต่างๆของภาครัฐจะทำอย่างไร จำเป็นต้องลดจำนวนเที่ยวลงหรือไม่ในการให้บริการ ซึ่งหากยังไม่เรียบร้อยหรือยังไม่สามารถควบคุมได้ก็อาจต้องเจอสถานการณ์การลดการให้บริการทั้งหมด ไม่ว่าจะรถไฟฟ้า รถไฟ รถโดยสาร และรถเมล์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องลดเที่ยวในการบริการลงจนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย แต่หากยังไม่เรียบร้อยอีกก็คงต้องหยุดการให้บริการทั้งหมด เพื่อลดการเคลื่อนย้ายไปมาและลดการแพร่เชื้อ

“สำหรับการพิจารณาการประเมินผลนั้น ก็มีการประเมินผลการทำงานทุกสัปดาห์อยู่แล้วในการประชุมครม.หรือการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงศบค. ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำตรงนี้อยู่แล้ว โดยมีการทบทวนทุกสัปดาห์ในส่วนของมาตรการ ซึ่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อำนาจตามกฎหมาย จะใช้ได้ 3 เดือน แต่วันนี้ผมให้ประเมิน 1 เดือนแรกก่อนถ้าจำเป็นก็ต่อไปเดือนที่ 2 เดือนที่ 3 โดยมาตรการจะต้องเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ดังนั้นยังไม่มีแนวโน้มจะยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินเว้นแต่ให้ไปพิจารณาว่าอะไรทำแล้วได้ผลและดีขึ้น ซึ่งอาจจะมีผ่อนผันอะไรก็ว่ากันไปแต่หากไม่ดีขึ้นก็จะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น”นายกฯ กล่าว


You must be logged in to post a comment Login