วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

มัสยิด

On December 27, 2019

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  27 ธันวาคม 2562 – 3 มกราคม 2563)

ทุกศาสนามีวัตถุประสงค์ในการสร้างความสงบสุขทางใจให้แก่ศาสนิกและสร้างความสงบให้แก่สังคม ดังนั้น ทุกศาสนาจึงมีศาสนสถานให้ศาสนิกได้เข้ามาพักพิงและหาความสงบทางใจ เช่น ศาสนสถานของชาวคริสเตียนเรียกว่าโบสถ์ ของชาวพุทธเรียกว่าวัด และของอิสลามเรียกว่ามัสยิด

มัสยิดเป็นคำภาษาอาหรับ แปลว่าสถานที่ก้มกราบพระเจ้า มีตำนานเล่าขานกันมาว่ามัสยิดแห่งแรกบนโลกใบนี้คือมัสยิดที่อาดัมสร้างขึ้นตรงบริเวณที่ตั้งของก๊ะอฺบ๊ะฮฺในนครมักก๊ะฮฺปัจจุบัน แต่ต่อมามัสยิดที่อาดัมสร้างขึ้นได้ถูกกาลเวลากัดกร่อนจนสูญหายไป

อย่างไรก็ตาม ตำนานก็คือตำนานที่หาหลักฐานยืนยันไม่ได้ คัมภีร์กุรอานได้กล่าวว่า พระเจ้าได้บัญชาให้อับราฮัมสร้างมัสยิดแห่งแรกขึ้นในกลางหุบเขาบักก๊ะฮฺเพื่อใช้เป็นสถานที่กราบสักการะพระองค์แต่เพียงผู้เดียว มัสยิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายเป็นรูปอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ก่อนหน้าสมัยอิสลามชาวอาหรับได้ซ่อมแซมจนกลายเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

นบีมุฮัมมัดกล่าวว่า หลังจากนั้นอีก 40 ปี อับราฮัมได้สร้างมัสยิดขึ้นอีกแห่งหนึ่งที่เมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งปัจจุบันถูกเรียกว่ามัสยิดอัลอักซอ มัสยิดแห่งนี้เป็นศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของทั้งชาวยิว ชาวคริสเตียน และชาวมุสลิมทั่วโลก

สำหรับชาวยิวครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของวิหาร (มัสยิด) ที่โซโลมอนสร้างขึ้นและถูกทำลายโดยชาวบาบิโลน หลังจากนั้นชาวยิวได้กลับมาสร้างวิหารของตนขึ้นใหม่ตรงบริเวณเดียวกับวิหารของโซโลมอนหลังจากกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียได้ปล่อยให้เป็นอิสระ

ชาวยิวและชาวคริสเตียนรู้ดีว่าวิหารแห่งนี้เป็นศาสนสถานที่มีนักบวชดูแล เป็นสถานที่ที่นักบวชชาวยิวยอมให้นางมารีย์มารดาของพระเยซูอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆเพื่ออธิษฐานพระเจ้าภายใต้การดูแลของเศคารียาห์ (ซะกะรียา) ลุงของนาง

คัมภีร์กุรอานเล่าว่า ในวิหารแห่งนี้เศคารียาห์ผู้เป็นหมันได้วิงวอนขอพระเจ้าให้ประทานลูกชายแก่เขา และพระเจ้าได้ตอบรับคำวิงวอนด้วยการประทานบุตรชายที่มีนามว่ายะห์ยา (ยอห์นแบพติสต์) ให้แก่เขา คัมภีร์กุรอานยังเล่าอีกว่า นบีมุฮัมมัดได้ถูกทูตสวรรค์นำตัวจากมักก๊ะฮฺเดินทางอย่างมหัศจรรย์มายังสถานที่แห่งนี้ในคืนหนึ่ง หลังจากละหมาดที่นี่แล้วทูตสวรรค์ได้นำนบีมุฮัมมัดขึ้นสู่ฟากฟ้าเพื่อรับคำบัญชาเรื่องละหมาดจากพระเจ้า หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับมายังมักก๊ะฮฺภายในคืนเดียว

มัสยิดที่สำคัญแห่งที่สามของโลกมุสลิมคือมัสยิดที่นบีมุฮัมมัดสร้างขึ้นในเมืองมะดีนะฮฺ มีชื่อเรียกว่ามัสยิดนะบะวีย์ เพื่อใช้ก้มกราบพระเจ้าในการละหมาด และเพื่อเป็นที่พักอาศัยของคนยากจนที่อพยพมายังเมืองนี้และยังไม่สามารถมีบ้านเป็นของตัวเอง

Kabah 9(1)

ในตอนเริ่มต้นมัสยิดนะบะวีย์ถูกสร้างขึ้นด้วยหินที่นำมาก่อเป็นกำแพง มีบริเวณที่พักที่ใช้ลำต้นอินทผลัมเป็นเสาและใช้กิ่งก้านใบอินทผลัมมุงกันแดด พื้นยังคงเป็นทรายที่ถูกบดจนแน่น

มัสยิดนะบะวีย์นอกจากจะใช้เป็นสถานที่ละหมาดแล้ว ยังทำหน้าที่เหมือนกับสถานศึกษาอิสลามสำหรับสาวก ต่อมาเมื่อเมืองมะดีนะฮฺถูกรุกราน มัสยิดนะบะวีย์จึงถูกใช้เป็นที่ประชุมเพื่อการป้องกันข้าศึก เป็นสถานพยาบาลคนบาดเจ็บจากสงคราม เป็นสถานที่ต้อนรับคณะทูต เป็นต้น

คัมภีร์กุรอานกล่าวชัดว่า มัสยิดต้องถูกสร้างบนรากฐานของความยำเกรงพระเจ้า ดังนั้น นบีมุฮัมมัดจึงสั่งให้เผามัสยิดแห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกำจัดท่าน

เมื่ออิสลามแผ่ขยายออกไปทั่วโลก และการละหมาดเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน ด้วยเหตุนี้ชุมชนมุสลิมทั่วโลกจึงสร้างมัสยิดของตนขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจและเป็นสถานที่สอนศาสนาควบคู่กันไป ชุมชนมุสลิมจึงเป็นสังคม บ.ร.ม. (บ้าน โรงเรียน มัสยิด)

เนื่องจากมัสยิดถูกสร้างในชุมชนที่ผู้คนต้องออกไปหากินภายนอก แต่การละหมาดยังคงเป็นหน้าที่สำหรับมุสลิม และการจงใจขาดละหมาดถือเป็นบาปใหญ่ ดังนั้น สถานที่บางแห่ง เช่น ปั๊มน้ำมัน ห้องอาหาร โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ที่รู้ถึงความสำคัญและความจำเป็นของการละหมาดจึงจัดเตรียมที่ละหมาดไว้ให้พนักงานและลูกค้าของตน ห้องละหมาดชั่วคราวเหล่านี้ถูกเรียกเป็นภาษาอาหรับว่า “มุซ็อลลา” หรือ “สุเหร่า” ในภาษาอินโดนีเซีย

การละหมาดเป็นการตอบสนองชีวิตทางด้านวิญญาณที่ต้องการการพักผ่อนและความสงบเช่นเดียวกับร่างกาย เป็นการเตือนตัวเองว่าพระเจ้าเฝ้ามองการกระทำของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้คนที่คิดไม่ดีต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนลงมือทำ

 


You must be logged in to post a comment Login