วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

“วรชัย”ยืดอกรับโทษจำคุก 4 ปี ภูมิใจยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

On October 31, 2019

นายวรชัย เหมะ ได้เขียนจดหมายเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ก่อนเดินยืดอกเข้ารับโทษจำคุกเป็นเวลา 4 ปี ตามคำตัดสินของศาลฎีกา โดยมีข้อความดังนี้

ถึงเพื่อนพี่น้องพรรคเพื่อไทยและเพื่อนพี่น้องที่รักประชาธิปไตยทุกท่านครับ ผมวันนี้ได้เป็นนักโทษไปเรียบร้อยแล้ว ผมจะต้องเดินเข้าไปในคุกในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 จากคดีชุมนุมที่พัทยา ซึ่งในวันนั้นได้อยู่ในที่ชุมนุมเหมือนคนอื่นและถูกเจ้าหน้าที่บอกว่าให้เข้าไปในโรงแรมด้วยกันเพื่อบอกพี่น้องที่อยู่ข้างในให้ออกมา ถูกตั้งข้อหาเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของรัฐ ศาลฎีกาตัดสิน 4 ปีครับ ถึงจะเป็นเหตุการณ์อย่างไร ถูกกระทำอย่างไร เป็นธรรมหรือไม่ พี่น้องเราเห็นอยู่ ประชาชนเห็นอยู่ ถึงจะอยู่ในคุก แต่ผมก็ยังมีหัวใจที่รักประชาธิปไตย รักพี่น้องทุกคน ขอคารวะจิตใจของเพื่อนๆและพี่น้องที่กล้าออกมาต่อสู้เพื่อทำให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดักเผด็จการเสียที ผมนั้นได้ต่อสู้มาตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2516 จนมาถึงวันนี้ติดคุกก็ยังมีความภูมิใจที่เราได้ยืนหยัดต่อมาจนถึงวันนี้ ใกล้ถึงเวลาที่ประเทศจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตย เพราะประชาชนลำบากมากๆกับกับดักเผด็จการ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่เจริญเพราะเผด็จการ ขอให้พี่น้องทุกคนเดินสู้ต่อไป ถึงผมอยู่ในคุกแต่ขอส่งกำลังใจให้ทุกท่านนำประเทศกลับคืนสู่โลกของความมีเสรีภาพและเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์

ขอคารวะด้วยหัวใจ

รักและนับถือ

วรชัย เหมะ

ทั้งนี้ ข้อความข้างต้นได้เผยแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊ค Adisorn Piengkes โดยนายอดิศร เพียงเกษ ได้โพสต์ข้อความต่อท้ายเป็นคำกลอนว่า

“วรชัย เหมะ” นะวันนี้

ยังแกร่งกล้าวาทีอย่างยิ่งใหญ่

เขาคือนักสู้ประชาธิปไตย

เป็นกำลังใจให้คุณตลอดกาล…

สำหรับคดีนี้เป็นคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา และบริษัท โรแยลคลีฟ บีช โฮเต็ล จำกัด เป็นโจทก์ ฟ้องแกนนำ นปช. ในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ทำให้เสียทรัพย์ บุกรุก ซึ่งเป็นความผิดที่เกิดจากการบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 9-12 เมษายน 2552 จัดขึ้นที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

โดยเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพัทยาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3494-3495/2562 ความอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ บริษัท โรแยลคลีฟ บีช โฮเต็ล จำกัด เป็นโจทก์ร่วม โดยยื่นฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำ นปช. จำเลยที่ 1 นายนพพร นามเชียงใต้ จำเลยที่ 2 พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ จำเลยที่ 3 นายสมญศฆ์ พรมภา จำเลยที่ 4 ในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ทำให้เสียทรัพย์ บุกรุก ความผิดต่อ พ.ร.บ.จราจรทางบก ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีนี้โดยยืนตามศาลชั้นต้น ตัดสินจำคุกนายอริสมันต์กับพวกเป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2558 ศาลจังหวัดพัทยาซึ่งเป็นศาลชั้นต้นก็มีคำพิพากษาให้จำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญาเช่นกัน จนล่าสุดศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุกนายอริสมันต์กับพวกรวม 12 คน เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ยกเว้น นายสมญศฆ์ เนื่องจากฎีกาของนายสมญศฆ์ฟังขึ้น ศาลพิพากษาให้ยกฟ้อง

โดยในวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา มีเพียงนายศักดา นพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 ปัจจุบันรับโทษจำคุก 4 ปีอยู่ในเรือนจำ เข้าฟังคำพิพากษา ส่วนจำเลยที่เหลือบางส่วนไม่ได้รับหมายเรียก ศาลจึงออกหมายเรียกอีกครั้งให้ฟังคำพิพากษาในวันที่ 31 ตุลาคม 2562

โดยจำเลยที่ต้องเข้าฟังคำพิพากษาในวันนี้ (31 ต.ค.) คือ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายนพพร นามเชียงใต้ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายนิสิต สินธุไพร นายสำเริง ประจำเรือ นายสิงห์ทอง บัวชุม นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย หรือเกิดดี นายวรชัย เหมะ นายพายัพ ปั้นเกตุ นพ.วัลลภ ยังตรง และนายพิเชฐ สุขจินดาทอง


You must be logged in to post a comment Login