วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

4แบรนด์ดีไซเนอร์คว้ารางวัล “VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2019”

On October 16, 2019

ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับโครงการ “VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2019” โดยนิตยสารโว้ก ประเทศไทย (VOGUE THAILAND) ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสื่อแฟชั่นทรงอิทธิพลที่สุดเล่มหนึ่งของโลก จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาดีไซเนอร์ไทยรุ่นใหม่ที่มีผลงานการออกแบบและแผนการตลาดที่โดดเด่น ซึ่งถือเป็นปีที่ 6 แล้ว โดยเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ได้ประกาศผลสุดเซอร์ไพรส์ 4 ผู้ชนะเลิศ ได้แก่ แบรนด์ Nichp (นิช-พี) สร้างสรรค์โดยณิชา ประสานเกลียว และธนพล ทองระอา, แบรนด์ Torboon (ทอบุญ) โดยบุญทวี เจริญพูนสิริ, แบรนด์ Ferratiti (เฟอร์ราติติ) โดยชวัฎวิทย์ อัครโยธากรณ์ และแบรนด์ Jirawat (จิรวัฒน์) โดยจิรวัฒน์ ธำรงกิตติกุล คว้ารางวัลร่วมกันมูลค่ารวมกว่า 1,200,000 บาท และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการทำธุรกิจตลอด 1 ปี

โดยได้รับเกียรติจากกุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการบริหารโว้ก ประเทศไทย, ปาริสา จาตนิลพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจค้าปลีก บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, วริศรา ไพรสานฑ์กุล ผู้จัดการทั่วไป-ธุรกิจเพรสทีจ บริษัท ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด, ภิญญาพัชญ์ อาจวงษ์ ผู้จัดการแบรนด์จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆที่คอยให้คำปรึกษาทั้งในด้านการออกแบบและการวางแผนธุรกิจตลอดระยะเวลา 6 เดือนของการเข้าร่วมโครงการ อาทิ วรัตดา ภัทโรดม, โสภาวดี เพชรชาติ, ฮัสซัน บาซาร์, มลลิกา เรืองกฤตยา, ศุภจักร ไตรรัตโนภาส, สธน  ตันตราภรณ์, จิรัฏฐ์ ทรัพย์พิศาลกุล และจงกล พลาฤทธิ์ มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน

2

กุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการบริหารโว้ก ประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ตัดสินหาผู้ชนะเลิศยากมาก เนื่องจากต้องยอมรับว่าดีไซเนอร์ชาวไทยแม้มีทักษะด้านการออกแบบที่ดี แต่ยังขาดแนวคิดในการทำธุรกิจที่ออกแบบอย่างไรให้เสื้อผ้าขายได้ การเป็นดีไซเนอร์ที่ดีได้นั้นต้องมีความเข้าใจทั้ง 2 ด้าน ซึ่งผู้ชนะเลิศทั้ง 4 แบรนด์ยังไม่มีใครโดดเด่นทั้ง 2 ด้านออกมา การตัดสินปีนี้จึงค่อนข้างลำบาก และค่อนข้างเซอร์ไพร์สทั้งคนเชียร์และคณะกรรมการพอสมควร นอกจากนี้หัวใจของโครงการไม่ได้อยู่ที่การมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเท่านั้น แต่เป็นการส่งเสริมดีไซเนอร์ที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดให้ได้รับความรู้อย่างที่หาที่ไหนไม่ได้

จากจำนวนผู้เข้ามาสมัครมากกว่า 50 แบรนด์ ถูกคัดกรองจนเหลือผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายที่ผ่านการคัดสรรจากคณะกรรมการ ซึ่งแต่ละแบรนด์ได้สร้างสรรค์คอลเลคชั่นเพื่อเผยโฉมอย่างเต็มรูปแบบในรอบชิงชนะเลิศ ได้แก่ แบรนด์เสื้อผ้าสตรี 6 แบรนด์คือ Coralist (คอรัลลิสต์) ของธันยพร จิรธรรมโอภาส, Tutti (ตู๋ตี๋) โดยนันธนุช วงศ์พัวพันธ์, Ferratiti (เฟอร์ราติติ) โดยชวัฎวิทย์ อัครโยธากรณ์, Jirawat (จิรวัฒน์) โดยจิรวัฒน์ ธำรงกิตติกุล, Youth Tonic (ยู๊ธ โธนิค) โดยทิพปภา เดชรักษาวัฒนา และพัทธิชา เทพวงค์, Nichp (นิช-พี) โดยณิชา ประสานเกลียว และธนพล ทองระอา และแบรนด์เครื่องประดับ 4 แบรนด์ ได้แก่ Jiira (จิระ) โดยจิรัชญา ชัยยาศักดิ์, Torboon (ทอบุญ) โดย บุญทวี เจริญพูนสิริ, T.Twinkle (ที.ทวิงเกิล) โดยวนิชยา กิตติไพศาลศิลป์, Kear Store (เกียร์ สโตร์) โดยปาณิศา สีดาสมุทร์

3

หลังการประกาศผล 4 แบรนด์ผู้ชนะเลิศได้เปิดใจถึงความรู้สึกและหนทางกว่าจะคว้าชัยชนะครั้งนี้ เริ่มที่แบรนด์เสื้อผ้าชุดราตรี Nichp (นิช-พี) โดยณิชา ประสานเกลียว และธนพล ทองระอา อดีตแอร์โฮสเตสอย่างณิชาเริ่มต้นทำแบรนด์เมื่อปี 2014 และลาออกจากงานประจำมาสวมบทบาทนักออกแบบเต็มตัวหลังทำแบรนด์ได้เพียง 3 ปี เพราะได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก โดยมีแฟนหนุ่มธนพล อดีตสจ๊วต ทำหน้าที่บัญชีและฝ่ายการตลาด แม้ณิชาศึกษาจบคณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ใช้ความรักในแฟชั่นของตนเองผลักดันแบรนด์ เริ่มออกแบบชุดราตรีที่ใส่ได้จริงและสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ใส่ในชีวิตประจำวันได้หลากหลาย ส่วนธนพลศึกษาจบคณะบัญชี มหาวิทยาลัยเดียวกัน โดยทั้งคู่บอกว่าเริ่มสร้างแบรนด์จากไม่มีอะไรเลย

4

“เราเริ่มสร้างแบรนด์ด้วยเงินเพียง 50,000 บาท ก้าวแรกออกบู๊ธ มีแฟนไปอยู่ประจำบู๊ธและดูด้านการตลาดให้ แต่เราก็ยังทำงานประจำกันอยู่ เมื่อเสียงตอบรับดีต้องมีคนหนึ่งที่ออกมาทำอย่างจริงจังคือณิชา แต่ตอนนี้เราออกจากงานทั้งคู่เพื่อมาสร้างแบรนด์ด้วยกัน เพราะแบรนด์ค่อนข้างก้าวกระโดดในช่วงแรกๆ เราเน้นขายแล้วใส่ได้จริง คือณิชารู้ว่าผู้หญิงชอบใส่อะไร ใส่อะไรแล้วดูผอม ใส่ได้จริง นี่คือจุดแข็งของเรา ทำให้เราขายได้ สำหรับการประกวดรายการโว้ก ฮูส์ ออนเน็กซ์, เดอะ โว้ก แฟชั่น ฟันด์ 2019 ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะติดท็อป 4 เพราะแบรนด์เราไม่ได้ออกแนวหวือหวา แต่เรารู้สึกว่าเราอยู่ตรงกลางระหว่างธุรกิจกับแฟชั่นจริงๆ ด้วยเราไม่ใช่ศิลปิน เราเรียนรู้จากประสบการณ์ว่าอะไรขายได้ เอกลักษณ์ของแบรนด์คือ มินิมัล ลักชัวรี่ แฟมินิน เรียบหรู มีความเป็นผู้หญิง แต่เรียบๆ และใส่ได้ไม่จำกัดกาลเวลา” ณิชากับธนพลช่วยกันเล่า

กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แบรนด์ Nichp ต้องผ่านอะไรมามากมาย เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่คนในแวดวงแฟชั่นตั้งแต่เริ่มแรก แต่พอมาเข้าร่วมโครงการ ผู้เชี่ยวชาญสอนพวกเขาว่าต้องหาตัวตนของแบรนด์ให้เจอ แม้พวกเขาจะเรียบง่าย แต่นั่นคือตัวตนของพวกเขา ทำให้แบรนด์ชัดเจนมากขึ้น และสร้างมูลค่าให้แบรนด์มากขึ้น การได้ติดท็อป 4 ในครั้งนี้ถือเป็นกำไรและเป็นการต่อยอดแบรนด์ได้อย่างสวยงาม

6

ด้านแบรนด์กระเป๋าผ้าทอไทย “Torboon” (ทอบุญ) ของดีไซเนอร์บุญทวี เจริญพูนสิริ ด้วยวัย 49 ปี ศึกษาจบด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แต่ไปทำงานเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์นานถึง 10 ปี แล้วอยากเปลี่ยนแนว เธอจึงไปเรียนต่อแฟชั่น แอนด์ แอคเซสเซอรี่ ดีไซน์ คอร์ส 1 ปีที่มิลาน อิตาลี จากนั้นไปเรียนต่อด้านทำกระเป๋าหนังที่ฟลอเรนซ์ อิตาลี เมื่อกลับเมืองไทยเธอจึงเปลี่ยนบทบาทมาออกแบบกระเป๋า โดยใช้ผ้าทอพื้นเมืองเชียงใหม่มาเป็นส่วนประกอบของกระเป๋า เมื่อต้องเข้าแข่งขันกับนักออกแบบรุ่นน้องๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะฝ่าฟันและก้าวมาสู่จุดนี้ เพราะเธอเห็นว่าน้องๆเก่งกันทุกคน อะไรคือพลังที่ผลักดันให้ “พี่บุญ” ของน้องๆก้าวผ่านข้อจำกัดแห่งวัยไปได้

“เคล็ดลับการประสบความสำเร็จไม่มีอะไรมาก แค่ทำตามกระบวนการทำงานของเราที่พัฒนาไปเรื่อยๆทุกปี พอเข้ามาทำงานกับน้องๆ แรกๆพยายามมองว่ารุ่นน้องๆทำอะไรกัน พอลงมือทำงานจริงๆต้องโฟกัสว่าเราจะทำอะไร ดิฉันสนใจผ้าทอพื้นเมืองของเชียงใหม่มากเป็นพิเศษ ผ้าทอมีเสน่ห์ การเรียนด้านแฟชั่นสอนให้เรานำวัสดุที่ใกล้ตัวเราหรือในพื้นถิ่นมาสร้างสรรค์และต่อยอด พอเรียนจบจากอิตาลีตอนอายุ 39 ดิฉันย้ายไปอยู่เชียงใหม่ เจอวิกฤตผ้าทอที่กำลังซบเซามาก ดิฉันอยากปลุกผ้าทอให้ฟื้นขึ้นมา จึงนำผ้าทอมาเป็นส่วนประกอบของกระเป๋าหนัง เสน่ห์ของผ้าทอไทยมีเรื่องราวและมีรากเหง้าที่น่าสนใจ เป็นมรดกที่มีคุณค่ามากๆ ดิฉันอยากนำผ้าทอไทยที่คนใช้ประดับตามฝาบ้านหรือเก็บอยู่ในตู้เก็บผ้านำมาปรับให้มีอีกหนึ่งบุคลิกขึ้นมา ตอนนี้คนเริ่มเปิดรับกับผ้าทอไทยแล้ว”

38

การเข้าร่วมโครงการนี้บุญทวีได้พบผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจแฟชั่นที่แนะนำถึงวิธีบริหารธุรกิจด้านแฟชั่น และให้เธอลงมือสร้างสรรค์ธุรกิจแนวใหม่ๆด้วยตนเอง ทำให้เธอค้นพบสัจธรรมว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

“สิ่งที่ดิฉันได้เรียนรู้คือ เรื่องสไตลิ่งและวิธีบริหารการตลาด เราจะออกแบบเพื่อทำขายอย่างเดียวไม่ได้ จะทำสินค้าให้ขายได้จริงๆคุณต้องสร้างงานให้เหมาะกับตลาด ตอนทำงานในโครงการดิฉันไม่ได้แข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเอง ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำงานตัวเองให้ออกมาดีที่สุดในแบบของเรา” บุญทวีกล่าว

ด้านแบรนด์ “Ferratiti” ชุดวิวาห์ออกแบบโดยชวัฎวิทย์ อัครโยธากรณ์ วัย 31 เรียนจบชั้นมัธยม 6 ผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันด้านแฟชั่นที่อยากมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมปลาย ทุกๆต้นเดือนต้องซื้อแมกาซีนแฟชั่นมาอ่าน เขารู้จักดีไซเนอร์ไทยเกือบทั้งหมด โดยมีต้นแบบคือ ใหม่-พลัฏฐ์ พลาฎิ แบรนด์เมช มิวเซียม (Mesh Museum) เพราะออกแบบชุดแต่งงานได้เหมาะเจาะ สวยงามมาก และมีรุ่นพี่ด้านออกแบบแฟชั่นอีกหลายๆคนเป็นต้นแบบที่ทำให้เขาคิดว่าวันหนึ่งจะเป็นดีไซเนอร์ให้ได้ กว่า 10 ปีที่อยู่ในถนนของแฟชั่น หลังจากไปเป็นลูกมือให้ห้องเสื้อต่างๆ เป็นแม้กระทั่งพนักงานขายเสื้อผ้าแบรนด์นำเข้าที่โด่งดังมากอย่างคลับ 21 เขายังทำแบรนด์ของตัวเองมาตลอด โดยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำชุดมาหลากหลายแนว แต่มาตกผลึกที่ชุดแต่งงาน ความโด่งดังของชุดแต่งงานแบรนด์ของชวัฏวิทย์ที่เขาบอกว่าน่าจะอยู่ในท็อปไฟว์ของชุดเจ้าสาว

VWON_๑๙๐๙๑๒_0018

“ตอนทำงานแฟชั่นรู้สึกเหนื่อยเพราะต้องวิ่งไปกับเทรนด์เรื่อยๆ แต่พอมาทำชุดแต่งงานรู้สึกถึงความสุขที่ผมได้ทำในชุดที่เราชอบ มีเวลาโฟกัสกับมัน มีคนที่เต็มไปด้วยความหวังว่าอยากจะสวยในวันที่พิเศษมาหาผมมากมาย ชุดแต่งงานทำให้ผมมีแรงบันดาลใจมาทำงานทุกวัน การทำแบรนด์ตอนนั้นภายใต้แบรนด์ชวัฎวิทย์ ส่วนแบรนด์เฟอร์ราติติผมเพิ่งมาเปลี่ยนตอนร่วมโครงการกับโว้ก ตอนนี้ผมมีลูกน้อง 15 คน ผมอยากผลักดันแบรนด์ไทยก้าวขึ้นสู่ระดับสากลให้ได้จริงๆด้วยสองมือสร้างของผม”

อะไรทำให้ชวัฏวิทย์ชนะในวันนี้ เขาบอกว่า เขาอยากให้ทุกคนเห็นว่าทุกครั้งที่เขาได้รับภารกิจ เขาใส่ใจทำเกินร้อย พยายามตีโจทย์ให้แตก และเข้าใจโจทย์จริงๆ คิดให้เยอะแล้วค่อยๆทอนเอาน้ำออกให้เหลือแต่แก่น พยายามทำให้ผู้เสพเสพชุดและแบรนด์ได้ง่าย นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้เขาสำเร็จติดท็อป 4 ได้

“ทุกวันนี้ผมไม่รู้ว่าผมประสบความสำเร็จหรือยัง แต่ผมรู้สึกว่าถ้ามีความฝันอย่าท้อ ถ้าเจออุปสรรค ล้มบ้าง ไม่ต้องเครียด มันเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนเจอ ถ้าเรามุ่งมั่นสักวันหนึ่งมันจะได้”

VWON_๑๙๐๙๑๒_0078

ปิดท้ายที่แบรนด์เสื้อผ้า “Jirawat” (จิรวัฒน์) โดยจิรวัฒน์ ธำรงกิตติกุล วัย 26 ปี การทำแบรนด์จิรวัฒน์ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากตัวเองหมด เขาเริ่มทำแบรนด์ขณะศึกษาอยู่คณะศิลปศาสตร์ เอกออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ต่อยอดการสร้างแบรนด์ด้วยการเข้าประกวดออกแบบแฟชั่น และเก็บสะสมเงินรางวัลที่ได้มาทำแบรนด์ บวกกับการเป็นดีไซเนอร์ให้แบรนด์เสื้อผ้า Drycleanonly ซึ่งปัจจุบันยังทำประจำอยู่ ควบคู่กับการทำแบรนด์ของตัวเอง หัวใจหลักของแบรนด์จิรวัฒน์โดดเด่นตรงที่ใช้ผ้าทอที่ได้มาจากการชอบเดินตลาดนัดตามต่างจังหวัด ได้เห็นถึงวิถีชีวิตผู้คน และค้นพบเสน่ห์ของผ้าค้างสต็อก รวมทั้งผ้าทอหนาๆที่ชาวบ้านใช้ประดับตามฝาผนังหรือทำเป็นผ้าม่าน มาสร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้าด้วยการออกแบบให้ดูน่าสนใจ เป็นการเพิ่มมูลค่าเข้าไป

“ผมทำเสื้อผ้าตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เพราะเป็นสิ่งที่รักและถนัดที่สุด แบรนด์จิรวัฒน์มีความโดดเด่นของเสื้อผ้าคือความเป็นยูนิเซ็กซ์ วัสดุที่ใช้ทำเสื้อผ้าไม่ได้หาได้ง่ายๆตามท้องตลาดทั่วไป ผมชอบผ้าครอสสติตช์ วินเทจ และผ้าพรมประดับฝาผนัง วินเทจมาก ผมชอบจึงอยากต่อยอดจากสิ่งที่ผมชอบคือของวินเทจ เป็นการผสมผสานกับเสื้อผ้าโครงสตรีทแวร์ สำหรับคอลเลคชั่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากคาวบอย ผมอยากถ่ายทอดโดยใช้ผ้าครอสสติตช์ที่ผมสะสมไว้มาเล่าเรื่อง นำเสนอออกมาในโครงเสื้อผ้าปัจจุบัน ดูทันสมัย

รางวัลนี้ยิ่งใหญ่มาก ผมตั้งใจทำอย่างเต็มที่ ยอมอดหลับอดนอนเพื่อสร้างสรรค์งานเสื้อผ้าสวยๆออกมา ผมมีความสุข เพราะเป็นสิ่งที่ผมรัก สิ่งที่ทำให้ผมชนะติดท็อป 4 น่าจะเป็นความขยันและความตั้งใจมาก สำหรับน้องๆที่อยากเข้ามาประกวดขอให้มี 2 คำคือขยันและอดทน มี 2 คำนี้ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ” จิรวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับ 3 ภารกิจรางวัลพิเศษ ผู้ชนะโปรเจกต์แรกคว้ารางวัล The winner of design mission by Shiseido ได้แก่ แบรนด์ Jirawat (จิรวัฒน์), T.Twinkle (ที.ทวิงเกิล) และ Ferratiti (เฟอร์ราติติ) โปรเจกต์ที่ 2 ผู้คว้ารางวัล The winner of design mission by Doikham ได้แก่ Ferratiti (เฟอร์ราติติ) และ Jiira (จิระ) โปรเจกต์ที่ 3 ผู้ชนะคว้ารางวัล The winner of design mission by Johnnie Walker style ได้แก่ T.Twinkle (ที.ทวิงเกิล)

ร่วมติดตามผลงานและบรรยากาศการประกาศผลผู้ชนะเลิศ VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2019 ผ่านทาง www.Vogue.co.th หรือ IG : voguethailand และ #VogueWhosOnNext2019


You must be logged in to post a comment Login