วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567

ใช้วิจารณญาณกรองความเชื่อ

On October 4, 2019

คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 4 ต.ค. 62)

ความเชื่อที่ไม่เสื่อมคลายไปจากโลกนี้คือความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องงมงาย ความเชื่อแบบไร้เหตุผล ไร้การพิสูจน์ บางทีคนไทยไปเจอคำว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” แค่นี้ก็สมองหดแล้ว ไม่ติดเครื่องกรองแล้ว เชื่อเลยดีกว่า เลยทำให้เป็นเรื่องที่หมอต้องคอยเตือนกันอยู่เรื่อย เช่น เชื่อเรื่องดื่มน้ำปัสสาวะรักษาโรค ฉี่แล้วเอามาล้างหน้า หน้าจะเด้ง จะขาว จะใส มันเป็นไปไม่ได้หรอก

หมอบอกว่าสู้อาหารสัก 1-2 ช้อนที่มีคุณค่าต่อผิวหนัง เช่น แตงโม แตงกวา ที่เขาพิสูจน์แล้ว เราเอาที่เขาพิสูจน์แล้วดีกว่า น้ำปัสสาวะถ้าเกิดเป็นโรค เช่น ถ้าเป็นกามโรค เขาบอกว่าสมัยก่อนตาบอดเลยก็มี เอามาทดลองกันไม่รู้ปัสสาวะของใคร ถ้าของตัวเองก็แล้วไป แต่ว่ายังไงก็อย่าหลงใหล งมงาย อย่าเชื่อง่าย อย่าทำให้มันเกิดทุกข์เกิดโทษในความเชื่อ คนเราอยากสวยใครบอกอะไรก็ยอมหมด

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากที่มีกลุ่มบุคคลออกมาเปิดเผยว่าดื่มน้ำปัสสาวะเป็นประจำแล้วรู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้น จึงเกิดกระแสตื่นตัวทางโลกออนไลน์ขึ้นว่าการดื่มน้ำปัสสาวะเสมือนยาอายุวัฒนะ บำบัดโรคร้ายได้ แต่ความเป็นจริงแล้วการใช้น้ำปัสสาวะบำบัดโรคไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์และคลินิกที่น่าเชื่อถือรองรับ หากนำมาใช้โดยไม่ระวังอาจเกิดอันตรายต่อร่างกาย

ปัจจุบันวิทยาการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ประชาชนมีทางเลือกในการรักษาโรคหลากหลายช่องทาง ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก ดังนั้น ควรตัดสินใจอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพการรักษาเป็นสำคัญ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายมุ่งเน้นด้านการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูภาวะความเจ็บป่วย โดยมีโรงพยาบาลที่ให้บริการรักษาโรคทั่วไปและโรคเฉพาะทางแก่ประชาชนอยู่ทั่วประเทศ

จึงอยากให้ประชาชนเข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วยหรือปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในโรงพยาบาลในพื้นที่ เพราะการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นวิธีการรักษาโรคที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพมากกว่าทางเลือกอื่น ทั้งนี้ หากพบความผิดปกติของร่างกายต้องรีบไปพบแพทย์ใกล้บ้าน รักษาและปฏิบัติตัวภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า ปัสสาวะเป็นของเสียหรือสารที่เป็นส่วนเกินของร่างกายที่ไตขับออกมา แม้ว่าจะมีสารต่างๆอยู่มาก ทั้งยูเรีย เกลือแร่ แคลเซียม และโซเดียมคลอไรด์ แต่สารเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกินความต้องการของร่างกาย หากสะสมไว้มากเกินไปกลับจะเป็นอันตราย เช่น เกิดภาวะความดันโลหิตสูง น้ำท่วมปอด หัวใจวาย ร่างกายจึงขับทิ้งตามระบบ หากดื่มกลับเข้าไปซ้ำอีกจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกาย

นอกจากนี้อธิบดีกรมการแพทย์ยังบอกอีกว่า ไตซึ่งทำหน้าที่กลั่นกรองของเสียออกจากร่างกายต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะต้องขับของเสียออกซ้ำ และอาจเกิดการคั่งค้างของสารต่างๆในร่างกาย ก่อให้เกิดโรคอื่นๆตามมา โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ หรือโรคที่ต้องควบคุมปริมาณน้ำ แร่ธาตุ และสารอาหารให้เหมาะสม อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้

อาตมาขอย้ำว่าอย่าเชื่อทั้งหมด ขนาดบางทีคนขายยาลดความอ้วนบอกว่ายานี้มีสรรพคุณลดความอ้วน แต่ปรากฏว่าคนขายกลับมีรูปร่างอ้วนมาก แต่ก็อย่างว่า คนไม่ฉลาดในการใช้เครื่องกรองติดสมอง หรืออย่างแผ่นพลังจักรวาลบ้าง ยาลดความอ้วนบ้าง และโน่นนี่นั่นสารพัดทยอยกันออกมาชวนเชื่อ แล้วก็มีคนเชื่อ ทำตามกันไป รับทุกข์รับโทษกันก็มาก

เพราะฉะนั้นต้องใช้เหตุผล ใช้สมอง สติปัญญา อย่าเชื่อว่าคนเขาลือกันกระฉ่อน อย่าเชื่อว่าคนที่เป็นครูบาอาจารย์มาแนะนำ ต้องดูว่าเชื่อแล้วกุศลธรรมเจริญขึ้น เชื่อแล้วมีความอยู่ดีมีสุข สบาย ใครที่ว่าตัวเองเชื่อถูกทางต้องมีเครื่องกรองสมองติดเอาไว้บ้าง อย่าเชื่อแล้วต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง

ดังนั้น อย่าเชื่อเพราะเขาโฆษณา เพราะเขาบอก เล่าลือกัน เป็นข่าวเป็นคราวว่าน่าจะเป็นไปได้แล้วก็เชื่อกันไป แต่ต้องพิสูจน์ สมัยนี้เขามีเครื่องพิสูจน์ ถ้าพิสูจน์แล้วมันแน่นอนก็ไม่มีใครว่าที่จะใช้ต่อไป แต่ถ้าใช้แล้วเกิดทุกข์ เกิดโทษ เกิดอกุศลขึ้นมา จะไปด่าคนที่มาแนะมาบอกก็ไม่ทันการแล้ว สู้ระวัง ตรวจสอบเหตุผลดีกว่า

ถ้ามีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์หรือทางใดที่ทำกันได้ เห็นผลชัดเจน พิสูจน์แล้วว่ามันดีจริงๆ ได้ผลจริงๆ มันเจริญผิวพรรณหน้าตาได้ดีจริง ก็ค่อยว่ากันไป แต่อย่าไปเชื่อทั้งที่ยังไม่ได้คัดกรอง ยังไม่มีใครพิสูจน์ให้ดูแล้วไปใช้เกิดเป็นอะไรขึ้นจะทำให้การรักษายากขึ้นไปอีก ขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณ ใช้สติปัญญา อย่าเชื่อง่ายเชื่อดายเลย

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login