วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

“สุเทพ”ยันอนุมัติโครงการก่อสร้างโรงพักโปร่งใสพร้อมสู้คดี

On August 7, 2019

วันนี้ (7 สิงหาคม) เวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และอดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลว่านายสุเทพมีความผิดกรณีอนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งว่า หลังจาก ป.ป.ช. ได้ตั้งข้อกล่าวหาแล้ว ตนเองได้ไปชี้แจงหลายครั้งหลายหนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในที่สุด ป.ป.ช. ก็ได้สรุปและมีมติชี้มูล ทำให้ตนเองจะได้มีโอกาสไปพิสูจน์ความจริงในศาล เรื่องราวจะได้จบ เพราะตนเสียหายและเสียชื่อเสียงมามากแล้ว

“เรื่องที่เกิดขึ้นขอเรียนว่า แต่เดิม ป.ป.ช. พยายามกล่าวหาว่าผมกระทำผิดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ในที่สุดก็ไม่มีความผิด เพราะมติ ครม. เกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างไม่มีอยู่จริง ฟังจากการแถลงของ ป.ป.ช. เมื่อวานนี้ (6 ส.ค.) กลายเป็นว่าผมเสนอเรื่องขออนุมัติ ครม. เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวิธีจัดซื้อจัดจ้างใหม่กลับไม่เสนอขอมติที่ประชุม ครม. อีกครั้ง คล้ายกับว่าผมใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีดังกล่าวจะทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ซึ่งผมเห็นว่าอาจจะผิดจากข้อเท็จจริง เพราะข้อเท็จจริงคือ ครม. มีมติครั้งเดียวเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ให้สร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง ในวงเงิน 6,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ แล้วก็ผูกพันงบประมาณเป็นเวลา 5 ปี ซึ่ง ครม. อนุมัติเพียงครั้งเดียว เรียกว่า ครม. อนุมัติโดยหลักการ ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างไม่ใช่อำนาจของ ครม. ในการอนุมัติ ไม่มีการอนุมัติในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการใดที่ต้องไปขออนุมัติจากมติ ครม. เพราะมีกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างว่าด้วยระเบียบพัสดุของสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วว่าเป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงานคืออธิบดี หรือถ้าเกินอำนาจของอธิบดีก็เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงนั้น

นายสุเทพกล่าวว่า ประเด็นนี้ตนเองจะนำไปพิสูจน์ให้ศาลได้เห็น เพราะทั้งหมดที่ ป.ป.ช. กล่าวหาตนเองไม่เกี่ยวกับการทุจริต เป็นเพียงประเด็นว่าตนใช้อำนาจหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น เรื่องการทุจริตนั้นเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช. แจ้งมติชี้มูลตำรวจ ข้าราชการ หรือพ่อค้าคนอื่นในวันเดียวกัน ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าตนไปสมคบทุจริตกับเขาด้วย ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะชี้ให้ประชาชนได้เห็นคือ กรณีนี้มีการประมูลกันโดยวิธีอี-ออกชั่น (e-Auction) ซึ่งมีผู้เข้าประมูลหลายราย และแข่งขันกัน 70 กว่าครั้งในการประกวดราคา ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดนั้นได้เสนอต่ำกว่าราคากลางประมาณ 500 ล้านบาท ทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริง ส่วนการก่อสร้างที่ไม่แล้วเสร็จไม่ได้เกี่ยวกับการอนุมัติสั่งการของตนเอง เกี่ยวกับการบริหารสัญญา ซึ่งตนจะไม่พูดว่าใครถูกใครผิดอย่างไร เป็นหน้าที่ของตนเองที่จะต้องไปพิสูจน์ความจริงกันในศาลด้วยพยานหลักฐานที่ตนเองมี


You must be logged in to post a comment Login