วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

ใช้สภาพัฒนาชาติไทยดีกว่า

On August 1, 2019

คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 1 ส.ค. 62)

การอภิปรายนโยบายของรัฐบาลในรัฐสภาที่ผ่านมามีคนติดตามดู ติดตามฟังอย่างล้นหลาม เพราะอยากฟัง อยากรู้ว่ารัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จะนำพาประเทศชาติไปอย่างไร และการประชุมครั้งนี้ก็มีดาวสภาเกิดขึ้น อย่าง “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เจ้าของทฤษฎี “กระดุม 5 เม็ด” ที่ได้รับคำชื่นชมจากหลายฝ่าย หรือหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยกให้ พล.อ.ประยุทธ์ และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นคู่กระบี่ปราบมาร

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคำวิจารณ์การแถลงนโยบายรัฐบาล โดยให้คะแนนนายกรัฐมนตรีสอบผ่านเฉียดฉิว 51% เพราะไม่สามารถควบคุมสติได้ เกิดอารมณ์แปรปรวนบ่อยครั้ง มีอารมณ์เสียเป็นช่วงๆอย่างไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจข้อบังคับการประชุม ส่วนพรรคเพื่อไทยผู้อภิปรายมือฉมังมีน้อย เซียนมือหนึ่งไม่ได้เข้าสภา เหลือเพียงแถว 2 ไม่กี่คนที่พอจะอภิปรายหรือสร้างสีสันยั่วอารมณ์ให้นายกฯปรี๊ดแตกได้ เนื้อหาการอภิปรายมุ่งเน้นดิสเครดิตตัวบุคคลมากกว่า ไม่เจาะลึกนโยบาย ส่วนพรรคอนาคตใหม่มีรุ่นใหม่หลายคนอภิปรายดี ตรงประเด็น แต่ขาดประสบการณ์ ไม่มีลีลา ขาดสีสันชวนติดตาม ถือว่าสอบผ่านในเกรดดี 70% พรรคเพื่อไทยได้แค่ 55% เท่าพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ

ขณะที่ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลได้ 50% เวลาน้อย อภิปรายได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ได้แค่เชียร์ ส่วนพวกองครักษ์ที่ลุกขึ้นประท้วงตัดเกมเป็นคนหน้าเดิม ทำเพื่อล่ารางวัล สำหรับ ส.ว. ไม่มีคะแนน เพราะเป็นแค่ไม้ค้ำยันรัฐบาล ส่วนใหญ่มาร่วมให้ครบองค์ประชุม เป็นนั่งร้านของรัฐบาล ขณะที่นักวิชาการอย่างนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีว่า ตอบอภิปรายในสภาแย่สุด เพราะขาดการเตรียมตัวในการอ่านเอกสารแถลงนโยบาย แถมใช้น้ำเสียง คำพูดไม่เหมาะสม ราวกับว่าสมาชิกรัฐสภาเป็นลูกน้องในองค์กรของตนเอง

ในมุมมองของอาตมาคิดว่า การทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรของนายชวนต้องถือว่าหายาก นายชวนแม้จะอายุมากแล้ว แต่ท่าทียังหนุ่มแน่น และด้วยความนุ่มนวล ใจเย็น ความรอบรู้แน่นเปรี๊ยะ ยังคงทำงานให้กับบ้านเมืองไปได้อีกนาน แต่ที่น่าแปลกใจคือ นายกรัฐมนตรีออกมาอภิปรายตอบโต้ชนิดที่ไม่ได้หลบหนี สู้จนเลือดหยดซิบๆ ส่วนนายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ น..พรรณิการ์ วานิช ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขาพูดกันว่า พูดได้ดี ยอดเยี่ยม อะไรทำนองนั้น

ที่น่าสงสารเห็นจะเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ถูกให้ออกจากห้องประชุม และถูกตัดสิทธิไม่ให้พูดอีก อันนี้ต้องถือเป็นบทเรียน เขาบอกว่า สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง คนรู้ๆอะไรกันมา บางจังหวะรู้รุ่งก็มี รู้ร่วงก็มี แต่ยังไงท่านก็ได้ทำหน้าที่ของ ส.ส. ทำให้บ้านเมืองมีสีสัน อย่าไปคิดตำหนิอะไรกันมากมาย ที่สำคัญการอภิปรายนโยบายรัฐบาลครั้งนี้โดนวิพากษ์วิจารณ์กันไปหลายเรื่อง หลายแง่ หลายมุม มีการท้าทายกันบ้าง อะไรกันบ้าง ต้องถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา

เราโชคดีกว่ารัฐสภาประเทศอื่นที่มีการต่อยกัน ขว้างปากัน ซึ่งประเทศไทยเองก็เคยมี แต่คราวนี้รอดไปได้ แค่มีการชี้หน้ากัน ไม่ถึงขั้นหัวร้างข้างแตก ไม่ขว้าง ไม่ปา ไม่ต่อย ไม่เตะกัน ถือว่าบุญแล้วล่ะ แค่นี้ก็ดีแล้ว อย่าไปคิดอะไรกันมากมาย แต่ที่ลดลงไม่ได้เห็นจะเป็นเรื่องความรู้สึกเกลียดชัง อันนี้แหละที่เราเห็นว่า ถ้าสภาไทยยังเกลียดชังกันอยู่ก็ลำบาก ยังไงก็ขอให้ใช้สภาพัฒนาชาติไทย อย่าใช้สภาราวีกันมากไป ฝ่ายค้านก็อย่าทำตัวเป็นฝ่ายแค้น ฝ่ายรัฐบาลก็อย่าทำตัวเป็นองครักษ์ให้ลูกพี่อะไรมากมาย

อย่าประท้วงกันจนเสียเวลา ประท้วงไม่ลดราวาศอกก็ไม่ไหว อาตมาหวังว่าการประชุมคราวหน้าคงจะดี และก็ดีเยี่ยม ดียิ่งขึ้นไป อย่าให้สาละวันเตี้ยลงๆ ยิ่งมีการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งเป็นรัฐสภาที่ใช้งบประมาณนับหมื่นล้านบาท ทำอย่างนี้เดี๋ยวชาวบ้านจะเสียดายภาษีเขา แต่ถ้าดูแล้วปลื้ม ดูแล้วสมน้ำสมเนื้อ ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ได้เหมาะสม ฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านประธานชวนก็ทำหน้าที่ได้เหมาะสม มีทั้งเก๋า มีทั้งกึ๋น ทำได้สวยสดงดงาม เป็นที่เลื่องชื่อลือชาว่า สมแล้วที่อยู่มานาน

เรียกว่ายิ่งอยู่ยิ่งรู้ ยิ่งนานยิ่งฉลาดอะไรทำนองนั้น ไม่เข้าทำนองที่เขาบอกว่า ยิ่งอยู่ยิ่งโง่ ยิ่งโตยิ่งเซ่อ อย่างนั้นก็ไม่ไหว ต้องยิ่งอยู่ยิ่งรู้ ยิ่งนานยิ่งฉลาด จึงจะพาชาติบ้านเมืองไปได้ดีต่อไป

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login