วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567

บาทแข็งค่าสุดรอบ3เดือนครึ่ง ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้น

On June 14, 2019

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือนครึ่งที่ 31.14 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น สอดคล้องกับแรงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยกดดันจากกระแสการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ของการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีทิศทางที่อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด อาทิ เงินเฟ้อที่ชะลอลง และการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ในวันศุกร์ (14 มิ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 31.16 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับ 31.37 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 มิ.ย.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (17-21 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.00-31.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (19 มิ.ย.) และการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ สัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากผลการประชุมเฟด (18-19 มิ.ย.) ประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ Dot Plot ชุดใหม่ รวมถึงผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามประเด็นด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ประเทศคู่ค้า และสถานการณ์ในตะวันออกกลางด้วยเช่นกัน

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย เดือนมิ.ย. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. รวมถึงตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯ เดือนเม.ย.

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ ที่ 1,672.33 จุด เพิ่มขึ้น 1.14% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,931.38 ล้านบาท ลดลง 6.94% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai เพิ่มขึ้น 2.59% มาปิดที่ 355.84 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบตลอดสัปดาห์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากคาดการณ์เรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟด และทิศทางการเมืองไทยที่ชัดเจนมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ลดช่วงบวกลงบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ขณะที่นักลงทุนรอติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ผลการประชุมเฟด (18-19 มิ.ย.) รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (17-21 มิ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,650 และ 1,640 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,685 และ 1,700 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของกนง. (19 มิ.ย.) การประชุมนโยบายการเงินของเฟด (18-19 มิ.ย.) ประเด็นสงครามการค้า รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. รวมถึงดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) และผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดฟิลาเดลเฟียเดือนมิ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนมิ.ย. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น

สำหรับการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 18-19 มิถุนายน 2562 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เฟดไม่น่าที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองภาพการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากประมาณรอบก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่เฟดมีโอกาสปรับมุมมองเงินเฟ้อลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและอาจส่งสัญญาณแสดงความกังวลต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจภายนอกมากขึ้น ซึ่งการส่งสัญญาณดังกล่าวของเฟด คงจะเป็นการเปิดช่องว่างในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า หากพัฒนาความเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประมาณการเงินเฟ้อของเฟดสูงขึ้น


You must be logged in to post a comment Login