วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

YOUTUBE CREATOR เปิดเกมรุกบุกธุรกิจชานมไข่มุกปั้นแบรนด์“BEARHOUSE”

On June 14, 2019

ไลฟ์สไตล์ยูทูบครีเอเตอร์จากช่อง BEARHUG ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2.8 ล้านคน  “ซารต์–ปัทมพร (Sunbeary)”และ “กานต์–อรรถกร” พลิกความชอบสู่ธุรกิจชานมไข่มุกสุดฮิต ปั้นแบรนด์ “BEARHOUSE”ชูจุดเด่นเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อม พร้อมไข่มุกโมจิสูตรซิกเนเจอร์ผสมแป้งข้าวไทย ปั้นสดใหม่ทุกวันปักหมุดสยามสแควร์สาขาแรก!สร้างปรากฏการณ์เข้าคิวต่อแถวแบบถล่มทลายเตรียมพัฒนาและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แย้มแผนเตรียมสยายปีกอีก 5 สาขาภายในระยะเวลา 2 ปี

นางสาวปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการบริษัท 21ซันแพสชั่น จำกัด เจ้าของร้านชานมไข่มุก BEARHOUSE Fresh Boba Milk Tea ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เรียบง่ายแต่แตกต่าง” (Simple but Significant) เปิดเผยว่า ร้านชานมไข่มุก BEARHOUSE เกิดขึ้นจากความชอบทานชานมไข่มุก รวมถึงการมีอาชีพเป็นยูทูบครีเอเตอร์ (YouTubeCreator)เจ้าของChannelBEARHUGซึ่งเป็นช่องที่นำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวและอาหาร ทำให้ได้มีโอกาสได้ไปรีวิว (Review) ชานมไข่มุกที่ประเทศไต้หวันแล้วรู้สึกติดใจและเกิดไอเดียว่าทำไมไม่ทำชานมไข่มุกแบรนด์คนไทยให้คนต่างชาติต่อแถวรอซื้อบ้างจึงได้นำไอเดียนี้ไปพูดคุยกับหุ้นส่วนกานต์-อรรถกร จนนำมาสู่การร่วมลงทุนเปิดร้านชานมไข่มุกBEARHOUSE สาขาแรกที่สยามสแควร์ริมถนนอังรีดูนังต์ด้วยงบลงทุนเบื้องต้นประมาณ 8 ล้านบาท แบ่งการลงทุนหลักๆ ออกเป็น 3 ส่วน โดยในส่วนที่ 1 เป็นครัวกลางและเครื่องจักรเพื่อการผลิตไข่มุกสด รวมถึงการจัดเตรียมวัตถุดิบต่างๆ  ส่วนที่2 เป็นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และในส่วนที่ 3 เป็นการรีโนเวท ตกแต่ง และค่าอุปกรณ์ภายในร้าน

2

สำหรับสไตล์และรสชาติของเครื่องดื่มร้าน BEARHOUSE มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “เรียบง่ายแต่แตกต่าง” (Simple but Significant) อร่อยกับเครื่องดื่มรสกลมกล่อมสูตรพิเศษ พร้อมไข่มุกโมจิซึ่งเป็นไข่มุกปั้นสดใหม่ทุกวัน สูตรเฉพาะที่ผสมผสานความเป็นไทย คิดค้นและทำเองด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่ผงแป้ง ด้วยจุดเด่นคือ มีแป้งข้าวไทยเป็นส่วนประกอบ ทำให้ไข่มุกของBEARHOUSE มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ให้รสชาติและสัมผัสที่แตกต่าง เคี้ยวนุ่ม หนึบหนับ มีกลิ่นโมจิ มีสีและรูปทรงตามธรรมชาติ มีความไม่กลมและมีขนาดเล็กกว่าไข่มุกทั่วไปโดยเมนูยอดนิยมของร้าน BEARHOUSE  ได้แก่ ชานมไข่มุก นมน้ำตาลแดงชาเขียวมัทฉะ และโกโก้  เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00–20.00 น.“ร้าน BEARHOUSE เป็นเพียงน้องใหม่ของตลาดชานมไข่มุก การมีผู้เล่นที่หลากหลายจะช่วยสร้างสีสันใหม่ๆ ในตลาด ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่จะสนุกและอร่อยกับชานมไข่มุกได้มากยิ่งขึ้นซึ่งตรงจุดนี้ BEARHOUSEมองว่าเราไม่มีคู่แข่งในการทำธุรกิจ แต่มองว่าร้านชานมทุกร้านเป็นพันธมิตรกับเรา มีร้านชานมไข่มุกอร่อยๆ เยอะแยะมากมาย บางร้านก็มีในสิ่งที่เราไม่มี และเราก็เป็นลูกค้าร้านอื่นด้วยเหมือนกันตอนนี้BEARHOUSE เริ่มต้นจากชานมไข่มุก ในแบบธรรมดาที่เรียบง่ายแต่มีความแตกต่างโดยมีไข่มุก BEARHOUSE สูตรเฉพาะ เป็น Signature เนื่องจากเป็นไข่มุกโมจิที่เราปั้นสด เป็นไข่มุกสีขาว เนื้อจะหนึบๆ มีส่วนผสมของข้าวไทยคล้ายโมจิ ในขณะที่เครื่องดื่มไม่ได้เน้นรสชาติเข้มข้นกระแทกในคำแรก แต่เน้นทานได้เรื่อยๆ จนหมด เพราะความคิดเริ่มต้นมาจากการที่เราชอบกินชานมไข่มุกและอยากทำร้านชานมไข่มุกที่สามารถทานได้ทุกวันในอนาคต BEARHOUSE ก็จะมีอะไรใหม่ๆนอกจากชานมไข่มุกมาให้ติดตามกัน ซึ่งชานมไข่มุกเป็นเพียงก้าวแรกของความฝันเท่านั้น”ปัทมพรกล่าวเพิ่มเติม

5

ด้าน นายอรรถกร รัตนารมย์ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้จัดการทั่วไป บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัดได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า“จากประสบการณ์ที่เราได้ไปรีวิวสถานที่เที่ยวสถานที่กินมามากกว่า 3 ปี ทำให้พวกเราซึมซับถึงความอร่อยของอาหารและขนมจากที่ต่างๆมามากมาย โดยเฉพาะ “ซารต์–ปัทมพร (Sunbeary)” ซึ่งเป็นบุคคลเบื้องหน้าที่จะต้องชิมอาหารและถ่ายทอดออกมาให้คนดูได้รับรู้และเห็นภาพตาม ดังนั้นเมื่อเราคิดที่จะทำร้านชานมไข่มุก เราจึงต้องพิถีพิถันมากในการคิดค้นและพัฒนาสูตรไข่มุกที่ไม่เหมือนใครซึ่งตอนนี้พวกเราก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากกว่าที่คาดไว้มากโดยตอนนี้ทางร้านได้วางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละวัน โดยในอนาคตจะมีการพัฒนาและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ BEARHOUSE เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนจะขยายสาขาในรูปแบบ Full Scale ประมาณ 5 สาขา ภายในระยะเวลา 2 ปี”

3

ด้านนายภีรภัทร แจ้งยอดสุขที่ปรึกษาการตลาด บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัดกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันตลาดชานมไข่มุกในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท ยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกเพราะเมื่อเทียบกับตลาดร้านกาแฟสดในประเทศไทยที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 17,000 ล้านบาทนั้น จะเห็นว่าตัวเลขยังห่างกันเกือบ 7 เท่าตัว และในปัจจุบันกระแสนิยมชาไข่มุกก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการที่มีผู้เล่นรายใหญ่ๆเข้ามาในตลาดก็ยิ่งจะมาช่วยกันขับเคลื่อนตลาดให้โตขึ้นได้อีกโดยเรามองว่าเมื่อมีร้านชานมไข่มุกเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าก็จะมีทางเลือกที่มากขึ้น ทำให้ทุกร้านต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ มีอะไรใหม่ๆออกสู่ตลาด ตลาดก็จะยิ่งน่าสนใจและนำไปสู่การเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในส่วนของการตลาดนั้นBEARHOUSEนั้นเน้นสร้างแบรนด์ด้วยการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยสร้างความแตกต่างด้วยไข่มุกที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยเริ่มทำงาน รวมไปถึงผู้ที่ชอบกินชาไข่มุก ซึ่งในช่วง Soft Openingที่ผ่านมากระแสตอบรับที่ค่อนข้างดี มียอดขายเฉลี่ยประมาณ 700–800 แก้วต่อวัน โดยหลังจาก Grand Opening คาดว่ายอดขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ1,000 แก้วต่อวัน และคาดว่าในปี 2562 จะมีรายได้จากการขายประมาณ 15 ล้านบาท

6


You must be logged in to post a comment Login